xs
xsm
sm
md
lg

"โกลเบล็ก" จับตา ครม.เคาะเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 สิ้น พ.ย.นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ผันผวนต่อเนื่องจากปัจจัยแนวโน้มเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง หลังตัวเลขจ้างงานลดลง และราคาน้ำมันร่วงไปแตะจุดต่ำสุดนับตั้งแต่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่ภาพรวมในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้นหลังประชุม APEC หนุนการท่องเที่ยวฟื้น จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี 1,600-1,640 จุด พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นได้ประโยชน์มาตรการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ยังแกว่งตัวผันผวน โดยมีแรงกดดันจากเจ้าหน้าที่เฟดสนับสนุนให้เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ล่าสุด ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว 4.4% ในช่วง 4Q65 สูงกว่า 4% ที่เปิดเผยก่อนหน้านี้

รวมทั้งการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมัน WTI ไปทดสอบระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. เนื่องจากความกังวลเรื่องอุปสงค์น้ำมันที่เกิดจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED และการที่จีนใช้มาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจีนมีรายงานพบผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 จะกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงแรงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน

และข้อมูลตัวเลขของสหรัฐฯ ที่มีการรายงานว่าผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 4,000 ราย สู่ระดับ 222,000 ราย ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 225,000 ราย บ่งชี้ถึงภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานจะยิ่งทำให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยทาง FedWatch Tool ของ CME Group ได้แสดงความเห็นว่าขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 19% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้นจากการสำรวจครั้งก่อนซึ่งอยู่ที่ 15% จึงคาดการณ์กรอบดัชนียังคงเคลื่อนไหวที่ระดับ 1,600-1,640 จุด

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ตัวเลข GDP ที่แท้จริงของไทยปี 66 จะขยายตัว 3.7% เพิ่มขึ้นจาก 2.8% ในปี 65 สวนทางกับทั่วโลกที่ชะลอตัวลง และการประชุมเอเปก 2022 ที่ผ่านมาได้สร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศไทยทั้งในแง่การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ซึ่งจะส่งผลให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทย ส่วนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่าเห็นสัญญาณที่ดีต่อการท่องเที่ยวไทยและคาดว่ารายได้จากการท่องเที่ยวจะกลับมาจำนวน 80% ของรายได้ในปี 62

อีกทั้งในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ คาดว่าทางรัฐเตรียมเสนอมาตรการช้อปดีมีคืนให้ที่ประชุม ครม.พิจารณา เบื้องต้นจะให้สิทธิประชาชนนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการไม่เกิน 40,000 บาท มาหักลดหย่อนภาษี

ด้านปัจจัยที่ต้องจับตาในประเทศ เช่น สัปดาห์ที่ 5 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค และดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม วันที่ 25 พ.ย. กระทรวงพาณิชย์รายงานดุลการค้า ส่วนสถานการณ์ต่างประเทศ ในวันที่ 23 พ.ย. อียูรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นเดือน พ.ย. และสหรัฐฯ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน ต.ค.

ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนแนะนำหุ้นที่คาดว่าได้ประโยชน์จากการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ โดยจะมีการเสนอมาตรการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ที่จะประชุมในช่วงสิ้นเดือน พ.ย.นี้ โดยหุ้นที่คาดว่าได้รับประโยชน์ ได้แก่ ERW, CENTEL, VRANDA, ASAP, SPA, AAV, BA และ AOT

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินว่า ราคาทองคำปรับตัวขึ้นจากอัตราเงินเฟ้อเดือนตุลาคมออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 7.7% สอดคล้องกับดัชนีเงินเฟ้อฝั่งผู้ผลิต PPI ที่ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 0.2% ส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่าการประชุม FOMC ครั้งสุดท้ายของปีกลางเดือนธันวาคมมีโอกาส 80% ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% และมีโอกาส 20% ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.75% ซึ่งสวนทางกับช่วงก่อนที่ตลาดให้น้ำหนักขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.75% มากกว่า ส่งผลให้ตลาดผ่อนคลายมากขึ้น สะท้อนผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ ที่อ่อนตัวลงระดับ 3.77% สอดคล้องกับดัชนีดอลลาร์ที่ปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดระดับ 105.34 หนุนราคาทองคำปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม SPDR มีสถานะขาย 5.22 ตัน

โดยสัปดาห์นี้จับตารายงานการประชุม FOMC โดยตลาดตอบรับการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.5% ทำให้กรอบดอกเบี้ยนโยบายปรับตัวขึ้นที่ระดับ 4.25-4.50% หากรายงานการประชุม FOMC ไม่มีมุมมองลบเพิ่มเติมประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเผชิญภาวะถดถอย อาจทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาต่ำกว่าคาดการณ์อาจเป็นแรงหนุนต่อราคาทองคำ

ดังนั้น ฝ่ายวิจัยประเมินว่าแรงกดดันของราคาทองคำน้อยลง เนื่องจากแนวโน้มตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ โดยทองคำพักฐานมา 3 เดือน จึงมีแรงซื้อกลับทำให้มองกรอบการซื้อขาย 1,700-1,780$/oz คำแนะนำซื้อขายตามกรอบที่ให้ไว้


กำลังโหลดความคิดเห็น