"ไวส์ โลจิสติกส์" กางแผนกลยุทธ์ 3 ปี พร้อมก้าวสู่ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำของเอเชีย มุ่งเน้นเพิ่มปริมาณขนส่งร่วมกับบริษัทในเครือ ขยายตลาดประเทศจีน และ มาเลเซีย ผนึกพันธมิตรต่างประเทศเตรียมเพิ่มบริการใหม่ พร้อมส่ง ETL บริษัทย่อยขนส่งข้ามแดนยื่นไฟลิ่ง ธ.ค.นี้ มั่นใจผลประกอบการนิวไฮ 3 ปีต่อเนื่อง
นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE เปิดเผยว่า บริษัทมีความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำบริการโลจิกติกส์ครบวงจรที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียภายในปี 2568
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนระยะกลาง (ปี 2566-2568) มุ่งเน้นการทำงานร่วมกันมากขึ้นระหว่างบริษัทย่อยทั้งหมด 9 แห่ง เพื่อขยายตลาดให้บริษัทในเครือ รองรับปริมาณความต้องการขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้น เช่น ประเทศจีน และ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีศักยภาพการเติบโตเป็นอย่างมากทั้งการขนส่งทางทะเลและทางอากาศ โดยมีแผนการขยายสำนักงานและบุคลากร อีกทั้งจุดเด่นของบริษัทในการใช้กลยุทธ์เข้าถึงลูกค้าในพื้นที่ด้วยการบริหารการขนส่ง และบริการหลากหลาย เช่น การให้บริการส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ (Reefer Container) การขนส่งสินค้าแบบไม่เต็มตู้ (LTL : Less-Than-Truckload)
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนความร่วมมือกับพันธมิตรที่จะเปิดสาขาใหม่ไปยังประเทศในทวีปเอเชียที่มีแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ เช่น ประเทศเวียดนาม ซึ่งการร่วมมือกันในครั้งนี้นอกจากเป็นการเพิ่มโอกาสการขนส่งสินค้าและการขยายเส้นทางครอบคลุมทั่วภูมิภาคแล้ว ยังมีผลดีด้านการลดต้นทุนเพื่อเพิ่มกำไรให้บริษัทอีกด้วย
ขณะที่แผนการเพิ่มบริการขนส่งสินค้าไปยังประเทศกลุ่มลูกค้าหลักประเทศสหรัฐฯ ท่ามกลางปัญหาด้านค่าระวางเรือที่ปรับตัวลดลง แต่บริษัทมีการบริหารต้นทุนค่าขนส่งร่วมกับบริษัทในเครือเพื่อรักษาอัตรากำไร อีกทั้งปริมาณการขนส่งยังคงเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน คาดว่าเมื่อค่าระวางเรือกลับมาอยู่ในระดับปกติจะส่งผลปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากสินค้าประเภทกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน บริษัทมีแผนการเพิ่มสัดส่วนการขนส่งของสินค้าประเภทอาหารมากขึ้น
สำหรับบริการจัดการคลังสินค้าภายใต้การดำเนินงานของบริษัท ไวส์ ซัพพลายเชน โซลูชั่นส์ จำกัด ผู้ให้บริการด้านซัปพลายเชนโซลูชันแบบครบวงจร ทั้งงานคลังสินค้า การกระจายสินค้า การขนส่งสินค้า (Equipment) ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยมีแผนการขยายพื้นที่คลังสินค้าทั้งหมด 100,000 ตารางเมตร ภายในระยะเวลา 3 ปี รวมถึงให้บริการจัดการคลังสินค้าแบบออนไซต์ (Onsite Warehouse Management) อีกทั้งบริษัทยังมีแผนความร่วมมือพันธมิตร จัดตั้งคลังสินค้าคู่กับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มสายการผลิตและต้องการลดค่าใช้จ่ายด้านคลังสินค้า
ด้านบริการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน (Cross Border Service) ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ จำกัด (ETL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ยังคงมีปริมาณการขนส่งที่ดี คาดว่าจะมีการดำเนินงานที่ดีขึ้นในปี 2566 เป็นต้นไป เนื่องจากเส้นทางการขนส่งจะสามารถเปิดให้บริการตามปกติ และ ปริมาณสินค้ามีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริการดังกล่าวเป็นที่นิยมจากการขนส่งที่สะดวกรวดเร็ว จึงได้รับความสนใจมากขึ้น ทั้งนี้ บริษัทจึงเตรียมยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งแรกต่อประชาชน (IPO) ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ช่วงเดือนธันวาคม 2565 เพื่อขยายศักยภาพรองรับการเติบโตในอนาคต
“บริษัทมองภาพอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในอนาคตว่ายังสามารถเติบโตได้ดี มีการปรับกลยุทธ์และเพิ่มรูปแบบการให้บริการ โดยประสานงานกับบริษัทในเครือมากขึ้น ขณะเดียวกัน ยังมีโอกาสให้บริษัทได้ร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจสร้างการเติบโตใหม่ๆได้อีกมากมาย ด้วยจุดแข็งของบริษัทที่มีบริการที่ครบครัน และมีเส้นทางการขนส่งที่ครอบคลุม ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตเฉลี่ยของรายได้ไว้ไม่ต่ำกว่า 20% ต่อปี รักษาอัตรากำไรสุทธิ 7% อีกทั้งมีความมั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโต ทำผลประกอบการนิวไฮเป็นปีที่ 3 ได้อย่างแน่นอน” นายชูเดช กล่าว