กลุ่ม KTIS ประกาศชัดยึดแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว หรือ Bio-Circular-Green-Economy Model (BCG) เป็นพื้นฐานในการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยการเพิ่มมูลค่า ลดความสูญเสีย และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับธีมเอเปก 2565 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ที่เน้น “สร้างความสมดุลในทุกด้าน” (Balance)
นายประพันธ์ ศิริวิริยะกุล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่ม KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่องครบวงจร เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจของกลุ่ม KTIS ในปัจจุบันและอนาคตได้ใช้แนวคิดเรื่อง BCG Model มาเป็นแนวทางตลอดห่วงโซ่การผลิต เนื่องจากวัตถุดิบตั้งต้นในห่วงโซ่การผลิตของกลุ่ม KTIS เป็นไบโอ (B) คืออ้อย และนำมาต่อยอดในสายธุรกิจชีวภาพ โดยใช้ผลพลอยได้ทุกส่วนให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะเป็นกากอ้อย (ชานอ้อย) กากน้ำตาล (โมลาส) หรือแม้กระทั่งใบอ้อย จนแทบจะไม่มีความสูญเสียระหว่างทาง หรือที่เรียกว่า Zero Waste
“การหีบอ้อยได้น้ำอ้อยไปทำน้ำตาลทราย ส่วนชานอ้อยนำไปทำเยื่อกระดาษชานอ้อย รวมถึงต่อยอดไปเป็นภาชนะและบรรจุภัณฑ์จากชานอ้อยและหลอดชานอ้อย 100% ส่วนชานอ้อยอีกส่วนหนึ่งยังนำไปเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ส่วนโมลาส หรือกากน้ำตาลนำไปผลิตเอทานอล ซึ่งการลงทุนในสายธุรกิจต่างๆ อย่างต่อเนื่องครบวงจรนี้คือตัว C หรือเศรษฐกิจหมุนเวียน ตามโมเดล BCG นั่นเอง” นายประพันธ์ กล่าว
กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม KTIS กล่าวด้วยว่า ในด้านของเศรษฐกิจสีเขียว หรือ G นั้น ทางกลุ่ม KTIS ให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอดอยู่แล้ว และล่าสุดได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับบริษัทเอเวอร์คอมม์ (Evercomm) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนจากประเทศสิงคโปร์ และบูโร เวอริทาส (Bureau Veritas) องค์กรด้านการตรวจสอบและออกใบรับรอง จากประเทศสิงคโปร์ ในการวางแนวทางสู่องค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) และสร้างโอกาสด้าน Carbon Credit
ทั้งนี้ ทาง Evercomm จะนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องของกลุ่ม KTIS ในโซนโครงการนครสวรรค์ ไบโอคอมเพล็กซ์ (NBC) ไปทำการวิเคราะห์คำนวณ carbon credit ของแต่ละกิจกรรม ก่อนจะมีการตรวจสอบและรับรองการคำนวณด้วยมาตรฐานของทาง Bureau Veritas ซึ่งจะมีการคำนวณทั้งในส่วนแยกการผลิตของแต่ละผลิตภัณฑ์และนำมารวมกันในผลรวมของทั้งเครือบริษัท
“ผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม KTIS เป็นผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่ทดแทนผลิตภัณฑ์ที่ก่อก๊าซเรือนกระจกอยู่แล้ว เช่น การผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล เยื่อกระดาษจากชานอ้อย ไบโอเอทานอล ทำให้บริษัทในกลุ่ม KTIS ได้รับการรับรองด้านการจัดการที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม เช่น ISO14001 และยังรวมไปถึงการได้รับการรับรองทั้งกระบวนการในซัปพลาย เชน ตั้งแต่ในไร่อ้อย เช่น มาตรฐาน Bonsucro และ VIVE program ซึ่งยืนยันในเรื่องการทำไร่อ้อยอย่างยั่งยืน” นายประพันธ์ กล่าว
สำหรับการดำเนินธุรกิจด้วย BCG Model ของกลุ่ม KTIS นี้สอดคล้องกับแนวคิด “เปิดกว้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” หรือ Open. Connect. Balance. ซึ่งเป็นเสาหลักของเอเปก 2565 ในครั้งนี้ โดยประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพได้เล็งเห็นถึงช่องทางการเพิ่มโอกาสด้านการค้าและการลงทุนที่เชื่อมโยงในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม ตามแนวคิด BCG Model