หุ้นบริษัทเช่าซื้อหรือลิสซิ่งบวกรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ที่เติบโตตามคาด เพราะแทบทุกบริษัทกำไรถ้วนหน้า ดันราคาหุ้นคึกคักทั้งกลุ่มเขียวยกแผงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้บริหารเดินหน้าปล่อยกู้รับดีมานด์ ดันพอร์ตสินเชื่อเพิ่ม พร้อมปรับแผนคุมต้นทุนทางการเงิน และ NPL ในภาวะดอกเบี้ยผันผวน
แม้ว่า คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ประกาศปรับเพดานดอกเบี้ยเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ อัตราไม่เกิน 23% สำหรับรถยนต์มือหนึ่งไม่เกิน 10% และรถยนต์มือสองไม่เกิน 15% แต่นั่นก็ไม่ได้กระทบต่อผลการดำเนินงานขอบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งที่ดำเนินธุรกิจเช่าซื้อ แม้หลายฝ่ายกังวลและประเมินผลกระทบในด้านต่างๆ กันไปแต่ในส่วนของผู้ประกอบการเช่าซื้อหรือลิสซิ่ง ผู้บริหารแต่ละบริษัทออกโรงแจงพร้อมยืนยันว่าไม่กระทบผลการดำเนินงาน
ทั้งนี้ จากผลประกอบการไตรมาส 3 ที่บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งแจ้งออกมานั้น พบว่าผลการดำเนินงานยังคงเติบโตและพอร์ตสินเชื่อขยับเพิ่มต่อเนื่อง ขณะที่ราคาหุ้นของบริษัทนั้น ๆ บวกรับข่าวผลประกอบการที่สดใสถ้วนหน้า ทั้ง "ศักดิ์สยามลิสซิ่ง -เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล- เงินติดล้อ -เมืองไทย แคปปิตอล "ล้วนมีรายได้และกำไรเติบโต อีกทั้งพอร์ตสินเชื่อขยับเพิ่ม จากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง การเปิดประเทศ ธุรกิจท่องเที่ยวเริ่มกลับมาขยายตัว และประชาชนต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อการประกอบการอาชีพและเพิ่มสภาพคล่องทางธุรกิจ ส่งผลให้มีลูกค้าเพิ่ม
ราคาหุ้น บริษัทธุรกิจลิสซิ่งหรือเช่าซื้อ บวกถ้วนหน้าหลังแจ้งผลงานไตรมาส 3 ออกมาพบรายได้และกำไรเติบโต และ ราคาหุ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา พบว่า ราคายังเทรดในแดนเขียว อย่าง บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SAK ปิดที่ 6 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาทหรือ 2.26 % บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ HENG ปิดที่ 3.12 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาทหรือ 2.63 % บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR ปิดที่ 27.25 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท หรือ 7.92 % และ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC ปิดที่ 35.50 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท หรือ 5.80 % บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK ปิดที่ 8.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 1.20% บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ASK ปิดที่ 36 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาทหรือ 5.11 % บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือTHANI ปิดที่ 4.32 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาทหรือ 0.93% และ SAWAD หรือ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 43.50 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาทหรือ 4.82 %
SAWAD ผลงานเติบโตต่อเนื่อง
บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD แจ้งงบออกมาหลังสุดของกลุ่ม พบว่ามีกำไรสุทธิ 1,185.62 ล้านบา ท เพิ่มขึ้นจากงวดนี้ปีก่อนที่ทำไว้ 1,111.60 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 74.02 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 6.65% และมีรายได้ดอกเบี้ย 2,307.07 ล้านบาท เทียบกับรายได้ดอกเบี้ยของปีก่อน 1,624.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 682.39 ล้านบาท หรือ 42.00 % ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของพอร์ตลูกหนี้จาก 36,986.09 ล้านบาทในช่วงสิ้นสุดไตรมาสที่ 3/2564 เป็น 51,477.54 ล้านบาท ในช่วงสิ้นสุดไตรมาสที่ 3 หรือเพิ่มขึ้น 39.18% อีกทั้งมีกำไรจากการลงทุนในการซื้อหุ้นสามัญของ Srisawad Vietnam Liability Co.,Ltd. ซึ่งมีการรับรู้กำไรจากการเปลี่ยนประเภทเงินลงทุน 184.44 ล้านบาท
HENG พอร์ตสินเชื่อทะลุ 1.1 หมื่นล้าน
นางสุธารทิพย์ พิสิฐบัณฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ HENG หนึ่งในผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการสินเชื่อรายใหญ่ของประเทศไทยภายใต้แบรนด์ ‘เฮงลิสซิ่ง’ เปิดเผยว่าภาพรวมการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการขยายพอร์ตสินเชื่อรวมได้ตามแผนที่ 11,272 ล้านบาท ส่งผลดีต่อรายได้รวมทำได้ 1,513 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% และมีกำไรสุทธิ 253 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากศักยภาพการให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการแหล่งเงินทุนของประชาชนในท้องถิ่น โดยภายหลังเปิดสาขาครบ 638 แห่งตามเป้าหมายทุกภูมิภาคทั่วประเทศ บริษัทฯ สามารถขยายฐานลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เติบโตโดดเด่นยังอยู่ที่สินเชื่อเช่าซื้อ และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถก็ยังขยายตัวได้ดี
“เราประสบความสำเร็จในการผลักดันพอร์ตสินเชื่อให้ขยายตัวได้ตามแผนที่วางไว้และยังให้ความสำคัญกับการบริหารคุณภาพลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สัดส่วน NPLs ปรับตัวลดลงจากเดิม 3.9% เหลือเพียง 3% ดีกว่าเป้าหมายที่เราวางไว้ และเป้าหมายการดำเนินงานปีนี้ HENG มั่นใจว่าจะขยายพอร์ตสินเชื่อให้เติบโตตามแผนที่ 12,600 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ยังได้มุ่งความสำคัญไปที่การพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม ซึ่งจะเข้ามาช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันและขยายฐานลูกค้ารายใหม่ รวมถึงตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มเดิมเพิ่มขึ้น โดยดิจิทัลแพลตฟอร์ม ” นางสุธารทิพย์กล่าว
SAK พอร์ตสินเชื่อแตะหมื่นล้าน
นายศิวพงศ์ บุญสาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SAK เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 3 เติบโตได้ตามเป้าหมาย โดยประสบผลความสำเร็จในการขยายพอร์ตสินเชื่อรวม 10,259 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจท่องเที่ยวเริ่มกลับมาขยายตัว โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มกลับมาเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ทำให้ประชาชนต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อการประกอบการอาชีพและเพิ่มสภาพคล่องทางธุรกิจ ส่งผลให้มีลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 309,088 สัญญา
ขณะที่กำไรสุทธิงวดนี้ 172.4 ล้านบาท เติบโต 3.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ส่งผลให้กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกอยู่ที่ 505.8 ล้านบาท เติบโต 19.8% และทำรายได้รวมจากดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมและบริการ 1,689.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยมาจากการขยายสาขาครบ 209 แห่งได้ตามเป้าหมาย รวมทั้งสิ้น 929 แห่ง ทำให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างกว้างขวาง ขณะแผนธุรกิจไตรมาส 4 บริษัทฯ มุ่งมั่นเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้มีความแข็งแกร่ง มั่นใจพอร์ตสินเชื่อรวมปีนี้เติบโต 25%
TIDLOR กำไร Q3 โตกว่า 10%
นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้ บริษัทมีอัตราเติบโตเป็นที่น่าพอใจ โดยมีรายได้รวม 3,930 ล้านบาท เติบโต 34.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 8.7% จากไตรมาสก่อนหน้า ส่วนกำไรสุทธิทำได้ 901 ล้านบาท เติบโต 10.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถและธุรกิจนายหน้าประกันภัยเติบโตได้ดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า สอดคล้องกับเป้าหมายอัตราเติบโตที่วางไว้ 23 – 28% และ 30 - 35% ตามลำดับ ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ มีรายได้รวม 10,907 ล้านบาท เติบโต 25.0% และมีกำไรสุทธิ 2,823 ล้านบาท เติบโต 18.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ การเติบโตของพอร์ตสินเชื่อในไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ มาจากการวางกลยุทธ์ขยาย “บัตรติดล้อ” (TIDLOR Card) อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการกดเงินตามวงเงินที่ได้รับการอนุมัติจากตู้เอทีเอ็มธนาคารพาณิชย์ชั้นนำกว่า 50,000 แห่งทั่วประเทศ และได้รับผลตอบรับที่ดีจากการจัดแคมเปญบัตรติดล้อสำหรับลูกค้าสินเชื่อจำนำทะเบียนรถในกลุ่มรถยนต์และรถกระบะในเดือนมีนาคม – พฤษภาคมที่ผ่านมา รวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว
“ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 กำไรสุทธิยังคงระดับที่ 900 ล้านบาท เติบโตได้ดีจากปีที่ผ่านมา แม้จะตั้งสำรองหนี้สูงถึง 270 ล้านบาท โดยเราพอใจกับจุดยืนที่แข็งแกร่งในการมีอัตราสำรองหนี้สูงสุดในอุตสาหกรรม และมั่นใจว่าการตั้งสำรองนั้นอยู่ในระดับที่เหมาะสมท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนจากภาวะต้นทุนด้านเครดิตขาขึ้น " นายปิยะศักดิ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม TIDLOR ยังสามารถดำรงอัตราเอ็นพีแอล หรือหนี้เสีย ได้ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่งขันและกลุ่มธุรกิจการเงินและหลักทรัพย์ นอกจากนั้นการดำเนินงานที่ผ่านมาสะท้อนถึงการวางกลยุทธ์ที่ถูกทาง โดยปริมาณการกดเงินสดตามวงเงินสินเชื่อที่ได้รับผ่านบัตรติดล้อเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจนายหน้าประกันภัยก็มีอัตราเติบโตที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง โดยมีค่าเบี้ยประกันวินาศภัยสูงถึง 1,642 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นเกือบ 50% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ล่าสุด เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในแอปพลิเคชันเงินติดล้อ ให้ลูกค้าสามารถต่ออายุประกันได้ด้วยตนเองผ่านแอปพลิเคชันเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย ลดระยะเวลาการเดินทาง และช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงาน
MTC กำไร Q3 ทะลุ 1.2 พันล้าน
นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส 3/2565 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 5,185 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 28.60% ขณะที่มีกำไรสุทธิ 1,205 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 0.33 % จากงวดเดียวกันปีก่อน ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากยอดสินเชื่อคงค้างที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีสินเชื่อคงค้างกว่า 114,586 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35 % เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่งวด 9 เดือนปี 2565 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 14,458 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 22.68 % ขณะที่มีกำไรสุทธิ 3,961 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 3.04% จากงวดเดียวกันปีก่อน เดินหน้าขยายสาขาเป็น 748 สาขา ส่งผลให้บริษัทฯ มีสาขา 6,547 แห่ง กระจายทั่วประเทศ
"ช่วงไตรมาส 3 ภาพรวมของความต้องการสินเชื่อยังเติบโตได้ดี และมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง ขณะเดียวกันความสามารถในการผ่อนชำระลูกหนี้ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ดี จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ดีขึ้นความต้องการใช้เงินสูงขึ้น จึงทำให้มั่นใจว่าพอร์ตสินเชื่อรวมปีนี้จะเติบโตได้ 30-35% ตามเป้าหมายที่วางไว้หรือแตะระดับ 120,000 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจหลักคือ เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) และธุรกิจที่ตั้งขึ้นใหม่ คือ เมืองไทย ลิสซิ่ง (MTLS) และเมืองไทย เพย์ เลเทอร์ (MTPL) เป็นธุรกิจที่จะเข้ามาสนับสนุน โดยมีการวางแผนการทำตลาดทั้งลูกค้าเดิมที่มีประวัติการชำระหนี้ดี และการรุกขยายฐานลูกค้าใหม่ที่มีความต้องการใช้บริการผ่านการดำเนินงานของสาขาที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ พร้อมคงเป้าหมายภายในปี 2569 พอร์ตสินเชื่อจะเติบโตทะลุ 2 แสนล้านบาทได้ตามที่วางไว้
ล่าสุด MTC ได้รับการสนับสนุนวงเงิน มูลค่า 6,200 ล้านบาท จาก องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) และ ธนาคาร ซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น (SMBC) ซึ่งเป็นแรงสนับสนุนที่สำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ตอกย้ำความเชื่อมั่นต่อการเป็นผู้นำธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ของประเทศไทย
ASK กำไรโตต่อเนื่อง
บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ASK แจ้งไตรมาส 3 กำไรสุทธิ 391.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำไว้ 314.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77.10ล้านบาท หรือ 24.53 % และมีรายได้รวม 1,458.56ล้านบาทเพิ่มขึ้น 331.39ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 29.40 % จากไตรมาส 3 ปี 2564 ที่มีรายได้รวม 1,127.17ล้านบาท โดยรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อเช่าซื้อมี 1,084.26ล้านบาท เพิ่มขึ้น 243.64ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 28.98 % รายได้ดอกเบี้ยจากสัญญาเช่าการเงินและรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้กู้ยืม ตลอดจนรายได้ค่าบริการจากธุรกิจนายหน้าประกันล้วนเพิ่มขึ้น
TK กำไรหดเร่งคุมสินเชื่อลดต้นทุน
นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการ/กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK ไตรมาส 3 กำไร 60.60 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำไว้ 129.80 ล้านบาท ลดลง 53.7% ขณะมีรายได้รวม 498.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.7% จาก 476.2 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี ที่ผ่านมา และปี 2565 ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตขึ้น 3.3% ตามการเติบโตของภาคท่องเที่ยวการส่งออกและการบริโภคของภาคเอกชน โดยภาคท่องเที่ยวมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปัญหาการระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายลง คาดว่าในปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประมาณ 10 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ซึ่งมี 0.4 ล้านคน ซึ่งจะส่งผลดีต่อการบริโภคและการจ้างงานภายในประเทศขณะที่การส่งออก 9 เดือน เติบโตขึ้น 10.6% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ดี TK มีนโยบายเพิ่มยอดการปล่อยสินเชื่อ ทำให้มีค่าใช้จ่ายทางการตลาดเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งผลขาดทุนจากการด้อยค่าของลูกหนี้การค้าเพิ่ม เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนสัญญาเช่าซื้อใหม่ตามที่บริษัทมีนโยบายเพิ่มยอดการปล่อยสินเชื่อ ขณะที่ความสามารถในการเก็บชำระหนี้และคุณภาพหนี้ของลูกค้ายังมีคุณภาพที่ดี และบริษัทเริ่มปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเพื่อควบคุมคุณภาพการปล่อยสินเชื่อเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 65 เพื่อลดต้นทุนทางด้าน Credit cost หรือหนี้เสีย รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และเตรียมพร้อมการเพิ่มบริการใหม่โดยบริษัท ได้รับใบอนุญาตเพิ่มเติมให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ คือ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ และ สินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งบริการใหม่เหล่านี้จะช่วยเพิ่มรายได้ในขณะที่ช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดจากการพึ่งพาธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ หลักเพียงอย่างเดียว คาดว่าจะส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทในระยะกลางและระยะยาวต่อไป
THANI กำไรโตต่อเนื่อง
นายโกวิท รุ่งวัฒนโสภณ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือTHANI มีกำไรสุทธิ 452.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำไว้ 400.95 ล้านบาท และมีรายได้รวม 1,129.95 ล้านบาท ขณะที่มีค่าใช้จ่ายทางการเงิน 230.32 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารมี 210.68 ล้านบาท และในส่วนของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นมี 122.11 ล้านบาท มีสินทรัพย์รวม 53,821.59 ล้านบาท หนี้สินรวม 41,817.71 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 12,003.87 ล้านบาท
ดังนั้น จากก่อนหน้าที่มาตรการคุมดอกเบี้ยของ สคบ. ประกาศออกมานั้น ผู้บริหารของแต่ละบริษัทต่างออกมาชี้แจงว่าไม่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงาน และพารเหรดเดินหน้าปล่อยสินเชื่อและออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่มีความหลากหลาย เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงทุกแห่ง อันจะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจและเศรษฐกิจฟันเฟืองของประเทศเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง
