เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค แจ้งผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2565 มีรายได้จากการขาย 392.70 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 28.46 ล้านบาท ลดลง 59.38% จากช่วงโลว์ ซีซัน เงินเฟ้อพุ่ง ฝนตกเยอะ กระทบรายได้เกษตรกร ประกาศไตรมาส 4 ฟื้น คาดผลิตภัณฑ์สารสกัดจากพืชกระท่อมลงสนามไตรมาส 1 ปี 66
นายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ KWM เปิดเผยว่า ภาพรวมในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2565 มีแนวโน้มฟื้นตัว เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2565 ที่เป็นช่วงโลว์ ซีซัน และสภาพอากาศคาดว่าจะกลับสู่ภาวะปกติได้มากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างการเพิ่มไลน์กำลังการผลิตที่ 3 ของภาคการเกษตร เพื่อรองรับความต้องการภายในประเทศและต่างประเทศ
ภายหลังจากที่บริษัทฯ ได้มีการวางแผนขยายตลาดไปยังต่างประเทศมากขึ้น โดยไลน์ผลิตใหม่จะติดตั้งเสร็จภายในเดือนกันยายนที่ผ่านมา และจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 4/2565 นี้
สำหรับไลน์ผลิตดังกล่าวจะใช้นวัตกรรม Robot ในการควบคุมการผลิต จำนวน 5 ตัว และมีพนักงานควบคุมเพียง 2 คน ในขณะที่ไลน์ผลิตที่ 1 และ 2 เป็นรูปแบบการผลิตแบบเมนนวล (manual) ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลดลง (Economies of Scale) เพิ่มความสามารถในการแข่งขันไปยังตลาดต่างประเทศได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ หลังจากที่มีการเพิ่มไลน์ที่ 3 บริษัทฯเตรียมขยายตลาดไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม) เป็นแห่งแรก ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ มีตัวแทนจำหน่ายในประเทศพม่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายได้เพิ่มขึ้นในปี 2566
ขณะที่การดำเนินงานในส่วนของบริษัท เคดับบลิวเอชบี จำกัด (KWHB) นั้น เบื้องต้นคาดว่าโรงงานจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/2565 นี้ ก่อนที่จะติดตั้งเครื่องสกัดสารสำคัญจากพืชสมุนไพรไทย พืชกระท่อม และดำเนินการสกัดในเชิงพาณิชย์ในขั้นตอนต่อไป โดยปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างพัฒนาผลิตภัณฑ์สารสกัดที่ได้จากพืชกระท่อม ทั้งในรูปแบบละลายน้ำ แคปซูล เป็นต้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการขอเลขที่จดแจ้งผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมสารสกัดจากพืชกระท่อม จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทั้งนี้ คาดว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าว จะเริ่มวางจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 1/2566 อย่างแน่นอน
ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2565 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565) ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค กล่าวว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย จำนวน 392.70 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10.32 เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) และมีกำไรสุทธิ 28.46 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 59.38 เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) ขณะที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย จำนวน 62.26 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 51.40 เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) และมีกำไรสุทธิ 1.70 ล้านบาท
สำหรับปัจจัยที่เป็นตัวแปรฉุดให้ผลการดำเนินงานใน 9 เดือนแรกของปี 2565 ชะลอตัวเป็นผลมาจากวิกฤตเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบกำลังซื้อของลูกค้า และสภาพอากาศแปรปรวน ประกอบกับอิทธิพลของลมมรสุมและพายุที่เข้ามาหลายระลอก ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในบางพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคกลาง ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเก็บเกี่ยวผลผลิตสินค้าเกษตร และผลผลิตบางส่วนได้รับความเสียหาย ส่งผลให้ยอดขายสินค้าลดลงในทุกผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มเก็บเกี่ยวอย่างใบเกลียวที่ไม่สามารถทำยอดขายได้มากเท่ากับที่คาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้วในไตรมาส 3 จะเป็นช่วงโลว์ ซีซันของกลุ่มสินค้าใบผาลและโครงผาล แต่เนื่องจากปี 2564 เป็นปีฐานสูงที่ไฮ ซีซันตลอดทั้งปี และต้นทุนขายที่เพิ่มสูงขึ้นจากต้นทุนวัตถุดิบและต้นทุนการผลิตอื่นๆ ทำให้ยอดขายสินค้าโดยรวมปรับตัวลดกว่าช่วงปกติ