"ซีลิค คอร์พ" กำไรโต 40.2% ขณะที่รายได้แตะ 405.65 ล้านบาท เติบโต 18.8% หลังเริ่มรับรู้รายได้กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ พร้อมมุ่งเป้าขยายธุรกิจ Health Care หวังสร้างการเติบโตยั่งยืน ผู้บริหาเผยมองโอกาสเติบโตไปสู่ภาคธุรกิจที่อยู่นอกเหนือจากกลุ่มกาวอุตสาหกรรม นับเป็นพัฒนาการเชิงกลยุทธ์อีกก้าวหนึ่ง หวังสร้างมูลค่าเพิ่มควบคู่ไปกับแผนการเติบโตของฐานธุรกิจหลักของซีลิค
น.ส.ยุวดี เอี่ยมสนธิทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) หรือ SELIC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 14.12 ล้านบาท เติบโต 27.2% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนมีกำไรอยู่ที่ 11.10 ล้านบาท และเติบโต 40.2% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2565 ขณะที่บริษัทฯ รายงานรายได้อยู่ที่ 405.65 ล้านบาท เติบโต 18.8% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ 341.37 ล้านบาท และเติบโต 3.9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2565
ทั้งนี้ สาเหตุการเติบโตมาจากทั้งธุรกิจกาวอุตสาหกรรมและธุรกิจสติกเกอร์ หรือฉลากที่มีกาวในตัว ที่สามารถรักษายอดขายอยู่ในระดับที่ดีและเติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ประกอบกับซีลิคเริ่มรับรู้รายได้ในกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ จากการรวมผลการดำเนินงานของธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเข้ามาในเดือนกันยายน 2565 ภายหลังซีลิคขยายธุรกิจไปสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ผ่านการเข้าถือหุ้นในบริษัท เทวกรรมโอสถ จำกัด ซึ่งมีรายได้จากการขายที่ 17.32 ล้านบาทในเดือนกันยายนที่ผ่านมา
“ซีลิคสามารถบริหารจัดการต้นทุนภายในที่ดีขึ้น รวมถึงทยอยปรับราคาขายให้สอดคล้องกับการปรับขึ้นของต้นทุนวัตถุดิบ ทำให้ซีลิคสามารถทำกำไรขั้นต้นเติบโตขึ้นในไตรมาส 3/2565 โดยอัตรากำไรขั้นต้นทยอยปรับตัวดีขึ้นในแต่ละไตรมาสอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในไตรมาส 3/2565 อัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นและอัตราค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่อรายได้ที่ลดลง ทำให้ EBITDA และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 21.3% และ 40.2% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว EBITDA และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 13.0% และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 27.2%” น.ส.ยุวดี กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 ปีแรกของปีนี้ รายได้อยู่ที่ 1,184.40 ล้านบาท เติบโต 8.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ 1,090.71 ล้านบาท โดยโครงสร้างรายได้จากการขายและบริการ ซีลิคมีรายได้จากการขายและบริการจากการดำเนินงานธุรกิจ 3 ประเภทคือ ธุรกิจกาวอุตสาหกรรม ธุรกิจสติกเกอร์หรือฉลากที่มีกาวในตัว และธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ซึ่งจําหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ สัดส่วนการขายและบริการของธุรกิจกาวอุตสาหกรรมอยู่ที่ 42% ธุรกิจสติกเกอร์หรือฉลากที่มีกาวในตัวอยู่ที่ 54% และธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอยู่ที่ 4% ณ ไตรมาส 3/2565 โดยสัดส่วนจะเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 4/2565 เมื่อมีการรวมผลการดำเนินงานของธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพแบบเต็มไตรมาส
น.ส.ยุวดี กล่าวทิ้งท้ายว่า ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการปูความพร้อมในส่วนของธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และจะสามารถรับรู้รายได้จาก Segment นี้ได้เต็มส่วนในไตรมาสถัดไป ส่งผลต่อรายได้ของซีลิคอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสุดท้ายนี้จะส่งผลต่อการเติบโตของกลุ่มซีลิคเช่นกัน