พีทีจี เอ็นเนอยี งวด 9 เดือนแรกปีนี้กำไรลดลงเหลือ 937.70 ล้านบาท จากงวดนี้ปีก่อนที่ทำไว้ 1,092.09 ล้านบาท หรือลดลง 154.39 ล้านบาท หรือ 14.13% เนื่องจาก ค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของสถานีบริการและสาขาของธุรกิจ Non-Oil ขณะไตรมาส 3 กำไรเติบโต
นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG กำไรงวด 9 เดือนลดลงเหลือ 937.70 ล้านบาท จากงวดนี้ปีก่อนที่ทำไว้ 1,092.09 ล้านบาท ลดลง 154.39 ล้านบาท หรือลดลง 14.13% เนื่องจาก 9 เดือนแรกปีนี้ EBITDA เท่ากับ 4,456 ล้านบาท ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 4,459 ล้านบาท ในขณะที่ค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของสถานีบริการและสาขาของธุรกิจ Non-Oil จึงส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 951 ล้านบาท ลดลง 13.3% จากปีที่แล้ว
ขณะที่งวดไตรมาส 3 มีกำไร 177 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำไว้ 63 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายและการบริการ 45,171 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า แต่ลดลง 2.5% จากไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลมาจากรายได้จากธุรกิจน้ำมันเติบโตขึ้น 45.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 3.4% จากไตรมาสก่อนหน้ามาอยู่ที่ 42,615 ล้านบาท
ขณะมีต้นทุนการขายและการให้บริการ 42,047 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 1.9% จากไตรมาสก่อนหน้า จากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และราคาต้นทุนน้ำมันต่อลิตรที่เพิ่มขึ้น เห็นได้จากราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบ WTI ในไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้น 30.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 15.5% จากไตรมาสก่อนหน้าในส่วนของต้นทุนของธุรกิจ Non-Oil เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันกับการเติบโตของรายได้ โดยต้นทุนขายในไตรมาสนี้ 1,974 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 98.8% จากปีก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 21.5% จากไตรมาสก่อน จากการขยายธุรกิจ Non-Oil อย่างต่อเนื่อง
ส่วนกำไรขั้นต้น 3,124 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 8.9% จากไตรมาสก่อนหน้าโดยการเพิ่มขึ้นของกำไรขั้นต้นจากปีก่อนหน้ามาจากธุรกิจน้ำมันเป็นหลัก ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณการจำหน่ายเพิ่มขึ้นดังที่กล่าวข้างต้น ประกอบกับการปรับราคาขายปลีกให้สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของราคาต้นทุนน้ำมันที่สูงขึ้นและมีการบริหารต้นทุนได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้ค่าการตลาดเป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทฯ วางไว้ แต่อย่างไรก็ดี กำไรขั้นต้นจากธุรกิจน้ำมันลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าเป็นผลมาจากปัจจัยทางฤดูกาลจากมรสุมที่ส่งผลต่อปริมาณการจำหน่ายน้ำมันลดลง โดยกำไรขั้นต้นในธุรกิจน้ำมันยังคงมีสัดส่วนมากที่สุดโดยอยู่ที่ 81.4% ไตรมาสนี้กำไรขั้นต้นจากธุรกิจ Non-Oil ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 582 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84.8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 5.9% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยกำไรขั้นต้นจากธุรกิจ Non-Oil
