ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุจากการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 8 พ.ย.2565 ที่ผ่านมา โดยผลการนับคะแนนในเบื้องต้นพรรครีพับลิกันมีแนวโน้มสูงที่จะครองสภาผู้แทนราษฎร ในขณะที่วุฒิสภายังมีคะแนนใกล้เคียงกันนั้น มองว่าผลเลือกตั้งกลางเทอมคงไม่ได้เปลี่ยนภาพทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ สิ่งที่ต้องจับตาหลังจากนี้คงต้องติดตามทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็นหลัก ด้วยภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีสัญญาณเติบโตชะลอลงอย่างและมีความเสี่ยงสูงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยบางไตรมาสในปี 2566
โดยจากถ้อยแถลงของเฟดหลังการประชุม FOMC วันที่ 1-2 พ.ย.ที่ผ่านมา เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายคุมเงินเฟ้อได้สำเร็จ ซึ่งเฟดคงจะยังไม่พิจารณาหยุดขึ้นดอกเบี้ยในระยะอันใกล้ ส่งผลให้ตลาดปรับคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดจะไปแตะระดับสูงสุดที่ระดับเกินกว่า 5.00% ในปีหน้า และเฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับนั้นยาวนานกว่าที่เคยคาด ซึ่งผลกระทบจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวของเฟดจะส่งผลให้ความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิคในปีหน้านั้นมีมากขึ้น
ทั้งนี้ มองว่าหากพิจารณาตัวเลขทั้งปี 2566 เศรษฐกิจสหรัฐฯ คาดว่าจะแทบไม่ขยายตัวจากปีนี้ หรืออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ที่ราว 0% ในกรณีฐาน อย่างไรก็ตาม หากเงินเฟ้อไม่ลดลงตามคาด และเฟดอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงขึ้นกว่าที่คาด เศรษฐกิจสหรัฐฯ คงหดตัวลึกกว่าที่คาด หรือมากกว่า 2 ไตรมาส ส่งผลให้ทั้งปี 2566 เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจหดตัวลงได้
สำหรับผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในกรณีที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่โต จะกดดันการส่งออกของไทยที่ต้องเผชิญกับการส่งออกฐานที่สูงในปีนี้ ทำให้คาดว่าการส่งออกไทยไปสหรัฐฯ จะเติบโตเชื่องช้าลงเหลือเลขหลักเดียวที่ 1.1% โดยมีมูลค่าส่งออกราว 50,000 ล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันที่สหรัฐฯ เป็นตลาดอันดับ 1 ของไทยและเป็นตลาดที่เติบโตดีที่สุด โดยการส่งออกไทยไปสหรัฐฯ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 ขยายตัวสูงถึง 18.9% และมีมูลค่าถึง 36,447 ล้านดอลลาร์
ด้านเงินบาทกลับมาปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 36.90 บาทต่อดอลลาร์ (หลังอ่อนค่าแตะ 36.97 บาทต่อดอลลาร์ในระหว่างวัน) อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 36.84 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทและเงินเอเชีย รวมถึงเงินหยวนอ่อนค่าลง ขณะที่นักลงทุนเข้าซื้อคืนเงินดอลลาร์ก่อนการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในคืนนี้ นอกจากนี้เงินดอลลาร์อาจได้รับแรงหนุนทางอ้อมบางส่วนในฐานะสกุลเงินปลอดภัยท่ามกลางภาวะความปั่นป่วนในตลาด Crypto
สำหรับทิศทางฟันด์โฟลว์ในวันนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 1,021.10 ล้านบาท และยังคงมีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรต่อเนื่องอีก 4,497 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 5,327 ล้านบาท ขณะที่มีตราสารหนี้ที่หมดอายุ 830 ล้านบาท)
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ คาดไว้ที่ 36.75-37.10 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการนับคะแนนเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ ทิศทางฟันด์โฟลว์ สถานการณ์สกุลเงินเอเชีย ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/65 ของอังกฤษ ดัชนีความเชื่อมั่นและตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในมุมมองของผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือน พ.ย. และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด