มันนี่แกรม ผู้ให้บริการชำระเงินระดับโลก ประเดิมให้บริการซื้อ ขาย และถือครองคริปโตบางสกุลบนแพลตฟอร์มของบริษัท โดยในช่วงแรกจะให้บริการในอเมริกาเท่านั้น และจำกัดเฉพาะบิตคอยน์ อีเธอเรียม และไลต์คอยน์
วันอังคารที่ผ่านมา (1 พ.ย.) ยักษ์ใหญ่บริการชำระเงินแห่งนี้แถลงว่า จะเสนอบริการซื้อขายคริปโตผ่านแอปบนมือถือของบริษัทให้แก่ลูกค้าในเกือบทุกรัฐในอเมริกา รวมถึงดิสทริกต์ ออฟ โคลัมเบีย
สำหรับคริปโตที่จะให้บริการในระยะแรกนั้นจะจำกัดเฉพาะบิตคอยน์ อีเธอเรียม และไลต์คอยน์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ปีหน้ามันนี่แกรมจะเพิ่มรายการสินทรัพย์คริปโตที่จะให้การสนับสนุน
อเล็กซ์ โฮล์มส์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (CEO) มันนี่แกรม บอกว่าคริปโตถูกเพิ่มในทุกสิ่งที่มันนี่แกรมกำลังทำอยู่ ตั้งแต่ดอลลาร์จนถึงยูโรและเยน ฯลฯ และเสริมว่า ที่ผ่านมามันนี่แกรมช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงกว่า 120 สกุลเงินทั่วโลก และขณะนี้บริษัทกำลังมองคริปโตและสกุลเงินดิจิตอลอื่นๆ เป็นตัวเลือกต่อไป
บริการซื้อ-ขายคริปโตจะดำเนินการโดยแพลตฟอร์มเทรดคริปโต คอยน์มี ที่เป็นพันธมิตรกับมันนี่แกรมอยู่แล้ว และเมื่อต้นปีมันนี่แกรมยังเข้าซื้อหุ้น 4% ในคอยน์มี
นอกจากแพลตฟอร์มเทรดคริปโตแห่งนี้แล้ว มันนี่แกรมยังลงทุนในบริษัทคริปโตบางแห่งซึ่งรวมถึงสเตลลาร์ และจี-คอยน์ รวมทั้งร่วมมือกับเซอร์เคิลในการชำระบัญชีข้ามพรมแดนด้วยยูเอสดีคอยน์ (USDC)
ทั้งนี้ มันนี่แกรมเคยประกาศเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วว่า จะอนุญาตให้ลูกค้าซื้อ-ขายบิตคอยน์ (BTC) ด้วยเงินสดในร้านค้าปลีก 12,000 แห่งทั่วอเมริกาผ่านการเป็นพันธมิตรกับคอยน์มี
สำหรับการแถลงข่าวล่าสุด มันนี่แกรมส่งสัญญาณว่า บริษัทและคอยน์มียังมีแผนการริเริ่มอื่นๆ ที่จะทำร่วมกัน
โฮล์มส์เพิ่มเติมว่า การที่ผู้บริโภคยังคงให้ความสนใจในสกุลเงินดิจิตอลมากขึ้น แม้มูลค่าตลาดคริปโตหายไป 80% จากเมื่อปีที่แล้วก็ตาม มันนี่แกรมจึงวางตำแหน่งตัวเองเพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าวและอุดช่องว่างระหว่างบล็อกเชนกับบริการทางการเงินดั้งเดิมด้วยการนำเสนอโซลูชันนวัตกรรมให้แก่ผู้ใช้ ตลอดจนถึงเครือข่ายที่กระจายอยู่ทั่วโลก และวัฒนธรรมนวัตกรรมฟินเทคที่แข็งแกร่งของบริษัท เนื่องจากมันนี่แกรมมองว่า คริปโตเป็นเครื่องมือระยะยาวที่จะนำเสนอประสบการณ์การชำระเงินที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ผู้ใช้
ความกระตือรือร้นเข้าสู่แวดวงสินทรัพย์ดิจิตอลของมันนี่แกรมเกิดขึ้นขณะที่แพลตฟอร์มการชำระเงินอื่นๆ แสดงความสนใจในอุตสาหกรรมนี้มากขึ้นอย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน
ตัวอย่างเช่น ต้นเดือนตุลาคม วีซ่าประกาศเป็นพันธมิตรกับแพลตฟอร์มเทรดคริปโต FTX เพื่อนำเสนอบัตรเดบิตคริปโตใน 40 ประเทศ โดยเน้นที่ยุโรป ละตินอเมริกา และเอเชีย โดยบัตรวีซ่าจะเชื่อมโยงกับบัญชีผู้ใช้ FTX และช่วยให้ผู้ใช้จ่ายเงินด้วยคริปโตกับผู้ค้านับล้านราย
ต่อมาเมื่อกลางเดือนที่แล้ว มาสเตอร์การ์ด คู่แข่งสำคัญของวีซ่า โพสต์บนบล็อกเกี่ยวกับแผนการของบริษัทในการ “แปลงคริปโตเป็นเครื่องมือชำระเงินในชีวิตประจำวัน”