นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐตรึงอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้นานที่สุด โดยเบื้องต้นคาดว่าจะถึงช่วงปลายปีนี้ ซึ่งทุกแห่งต่างพร้อมให้ความร่วมมืออย่างดี ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอาจจะมีการขยับเพิ่มขึ้นบ้างเพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบัน
"สถาบันการเงินของรัฐมีบทบาทสำคัญ 2 ส่วน คือ 1.เป็นแหล่งระดมเงินฝาก และ 2.เป็นกลไกของรัฐ ซึ่งการขึ้นดอกเบี้ยนั้นได้เคยขอความร่วมมือไปว่าให้ตรึงให้นานที่สุด ซึ่งทุกแบงก์ก็รับปาก โดยจะตรึงจนถึงปลายปี ส่วนหลังปีใหม่คงต้องมาดูสถานการณ์กันอีกที" นายอาคม กล่าว
รมว.คลัง กล่าวว่า แม้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะมีการปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ในส่วนของไทยคงมองตามเฟดตลอดไม่ได้ เพราะยังมีปัจจัยอีกหลายด้านที่ต้องพิจารณา โดยเฉพาะแนวโน้มเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว ภาคธุรกิจกำลังเริ่มขยับไปได้ หากเจออัตราดอกเบี้ยขาขึ้นอาจเป็นการซ้ำเติม ซึ่งเรื่องนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการพิจารณาหลายๆ อย่างประกอบ โดยดูทั้งทิศทางของภาคธุรกิจโดยเฉพาะขนาดเล็ก และประชาชนว่าสามารถรับได้มากน้อยแค่ไหน
สำหรับมาตรการกระตุ้นการบริโภคเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทยนั้น ขณะนี้กระทรวงการคลังยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ยอมรับว่ามีหลายมาตรการที่กำลังดูอยู่
นายอาคม ยังกล่าวในระหว่างพิธีเปิดมหกรรม "ร่วมใจแก้หนี้ : มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน" สัญจร ครั้งที่ 1 กรุงเทพฯ ว่า งานนี้เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงการคลัง ธปท. และสมาคมสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ผนึกกำลังเพื่อร่วมแก้ไขหนี้ให้ลูกค้าและประชาชน พบว่ามีผู้ลงทะเบียนเพื่อร่วมงานแล้วกว่า 1.25 หมื่นราย และคาดว่ายอดลงทะเบียนจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
"รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายให้ปีนี้เป็นปีแห่งการแก้หนี้ภาคประชาชน ซึ่งพบว่าประชานส่วนใหญ่เดือดร้อนจากภาระหนี้สิน หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ในงานนี้จะมีมาตรการที่จะให้ความช่วยเหลือได้อย่างเต็มที่ จึงอยากให้ประชาชนที่เดือดร้อนมาใช้สิทธิประโยชน์ที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐจัดเตรียมไว้ให้" รมว.คลัง กล่าว
สำหรับการจัดงานมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ ในครั้งต่อไปอีก 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ ประกอบด้วย ครั้งที่ 2 จังหวัดขอนแก่น วันที่ 18-20 พ.ย.2565 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น ครั้งที่ 3 จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 16-18 ธ.ค.2565 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ ครั้งที่ 4 จังหวัดชลบุรี วันที่ 20-22 ม.ค.2566 ณ ศาลาประชาคมเทศบาลเมืองบ้านสวน และครั้งที่ 5 จังหวัดสงขลา วันที่ 27-29 ม.ค.2566 ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์