นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมสายงานวาณิชธนกิจ ด้านตลาดทุน บล.ดาโอ (ประเทศไทย) (DAOL) ในฐานะปรึกษาทางการเงิน บมจ.เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม (KLINIQ) กล่าวว่า บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 60,000,000 หุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไป ผ่านผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย 7 แห่ง ประกอบด้วย บล.ดาโอ (ประเทศไทย) บล.เอเซีย พลัส บล.ฟินันเซีย ไซรัส บล.คิงส์ฟอร์ด บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) บล.พาย
KLINIQ กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้ประชาชนทั่วไป (IPO) ในราคาหุ้นละ 24.50 บาท โดยจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 28 ต.ค.-1 พ.ย.65 และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ภายในเดือน พ.ย. โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า "KLINIQ" ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ
"มั่นใจว่า KLINIQ จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดีเยี่ยม ในฐานะผู้นำธุรกิจสุขภาพและความงามครบวงจร และเป็นคลินิกเจ้าแรกที่เข้าระดมทุนในตลาดหุ้น และจากโมเดลธุรกิจ Asset Light ทำให้การขยายสาขาได้รวดเร็ว ต้นทุนไม่สูง คืนทุนได้ภายใน 2-3 ปี อีกทั้งทีมผู้บริหารยังให้ความสำคัญในเรื่องของวินัยทางการเงิน เห็นได้จากฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง แทบจะเรียกได้ว่าไร้หนี้ที่มีภาระดอกเบี้ย ผนวกกับแบรนด์ THE KLINIQUE ที่มีความแข็งแกร่ง ทำให้ลูกค้ากลับมาใช้ซ้ำ ทำให้มีรายได้สม่ำเสมอ (Recurring Income) หนุนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง"
ผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 65 บริษัทฯ มีรายได้รวม 714.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.26% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 451.59 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 100.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.03% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 60 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิของปี 64 ทั้งปีอยู่ที่ 129.25 ล้านบาท
นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KLINIQ กล่าวว่า วัตถุประสงค์การระดมทุนทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ เตรียมนำเงินไปใช้ในการขยายสาขาคลินิกเวชกรรมราว 6-10 สาขาต่อปี ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ หัวเมืองใหญ่ และหัวเมืองรอง โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนขยายคลินิกเวชกรรมและจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์เพิ่มเติมประมาณ 950 ล้านบาท คาดว่าจะคืนทุนทุนภายใน 2-3 ปี ส่วนศูนย์ศัลยกรรมจะใช้เงินลงทุนประมาณ 150 ล้านบาท คาดว่าจะคืนทุนภายใน 3-4 ปี
นอกจากนี้ ยังเตรียมนำเงินไปใช้สำหรับจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการแพทย์ ขยายกิจการศูนย์ศัลยกรรม และพัฒนาระบบ IT เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของฝ่ายสนับสนุน โดยในส่วนของการพัฒนาระบบ IT งบลงทุนอยู่ที่ประมาณ 50 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มดำเนินงานได้ภายในปี 66 และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนประมาณ 270 ล้านบาท
"เรามั่นใจว่าด้วยจากโมเดลธุรกิจ Asset Light และฐานะการเงินที่มีความแข็งแกร่ง หลังเข้าระดมทุนในตลาดหุ้น จะทำให้บริษัทฯมีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก อีกทั้งแบรนด์ THE KLINIQUE ที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดีเยี่ยม เห็นได้จากจำนวนลูกค้าที่มีกว่า 2 แสนราย ที่กลับมาใช้ซ้ำ ทำให้มี Recurring Income และจากแผนการขยายสาขา จะทำให้บริษัทฯ เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า ผลักดันแนวโน้มผลการดำเนินงานสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง" นายแพทย์อภิรุจ กล่าว