นายชินดนัย ไชยยอง กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย (AMARC) (เอมาร์ค) กล่าวว่า บริษัทพร้อมเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 19 ตุลาคม 2565 นี้ โดยใช้ชื่อย่อ "AMARC" ในการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นอีกก้าวสำคัญสู่ความยั่งยืน
บริษัทมั่นใจว่าเงินที่ได้จากการระดมทุนจะสนับสนุนโอกาสในการเติบโต พร้อมเดินหน้าขยายขอบข่ายและศักยภาพในการให้บริการ มุ่งสู่การเป็นศูนย์แล็บชั้นนำระดับสากล ด้วยการให้บริการที่เป็นเลิศ เพื่อการสร้างความเชื่อมั่นแก่อุตสาหกรรมและผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการก้าวเดินให้ทันกับมาตรฐานที่พัฒนาเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ หรือการให้บริการอย่างครบวงจร ที่ถูกต้อง แม่นยำ มีมาตรฐาน รวดเร็ว และการให้บริการที่สร้างความประทับใจแก่ลูกค้า ร่วมก้าวเดินพัฒนาอุตสาหกรรมไปด้วยกัน
โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวนประมาณ 332.10 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) นำไปใช้จัดซื้อเครื่องมือวิทยาศาสตร์ ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจ รวมทั้งเพิ่มความน่าเชื่อถือในระดับสากล ให้เป็นที่รู้จักของผู้ใช้บริการทั้งในและต่างประเทศ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน เตรียมพร้อมสำหรับโอกาสการเติบโต และสร้างผลตอบแทนนักลงทุนในระยะยาว
ทั้งนี้ AMARC ประกอบธุรกิจเป็นผู้ให้บริการห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ในประเทศไทย ซึ่งมีผู้ให้บริการจำนวนน้อยราย โดย AMARC มีข้อได้เปรียบในการแข่งขันจากการครอบครองใบอนุญาตและรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลมาตรฐาน ทำให้สามารถให้บริการทางวิทยาศาสตร์ครอบคลุมตั้งแต่ปัจจัยการผลิตต้นน้ำ ถึงอุตสาหกรรมขั้นปลายน้ำ เพิ่มโอกาสในการแข่งขันแก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเกษตร อาหาร ปัจจุบัน AMARC มีบุคลากรทางวิทยาศาสตร์กว่า 120 คน และเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์กว่า 400 เครื่อง เพื่อรองรับการให้บริการ
นายวิศรุต อังศุภากร ผู้อำนวยการสายงานวาณิชธนกิจ บล.โนมูระ พัฒนสิน ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า AMARC จะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้นักลงทุนได้ เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่คร่ำหวอดในวงการมานานกว่า 18 ปี มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำทางด้านการบริการทางวิทยาศาสตร์ ด้านเกษตร อาหาร ยา ปัจจัยการผลิตทางการเกษตรและสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจร ครอบคลุมทั้งการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ การสอบเทียบเครื่องมือ การตรวจสอบ รับรอง ตามระบบคุณภาพและมาตรฐานสากล ด้วยห้องปฏิบัติการที่ประกอบไปด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย นักวิทยาศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางหลายแขนง
นอกจากนี้ ยังแสดงความมั่นใจว่าเมื่อหุ้น AMARC เข้าซื้อขายในวันที่ 19 ตุลาคมนี้ จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างคึกคัก จากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของ AMARC นอกจากนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 120 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.90 บาท คิดเป็นส่วนลด 27.50% จากมูลค่าพื้นฐานเฉลี่ยปี 66 ที่ 4.00 บาท จาก 5 บริษัทหลักทรัพย์ที่ร่วมจัดจำหน่าย
น.ส.พัชพร สรรคบุรานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายร่วม เปิดเผยว่า หุ้น AMARC ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจากกระแสความต้องการหุ้นมากกว่าจำนวนที่จัดสรร โดยราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 2.90 บาท คิดเป็นอัตราส่วน P/E จากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด ราว 45.72 เท่า คิดเป็นส่วนลด 21.00% จากอัตราส่วน P/E ของตลาด mai สำหรับช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งอัตราส่วน P/E ดังกล่าวคำณวณจากผลประกอบการในอดีต โดยที่ยังไม่ได้คำนึงถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
โดยการเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้ เชื่อว่าจะเป็นโอกาสซึ่งจะช่วยสนับสนุนความสามารถในการสร้างรายได้และกำไรในอนาคตให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ