"ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย" เดินหน้าโรดโชว์สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนตามแผนเสนอขายหุ้น IPO 120 ล้านหุ้น โดยมี “บล.โนมูระ พัฒนสิน” ที่ปรึกษาทางการเงิน พร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ภายในไตรมาส 4/65 นี้
ดร.ชินดนัย ไชยยอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย จำกัด (มหาชน) หรือ AMARC (เอมาร์ค) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จัดงานโรดโชว์ ในวันที่ 29 กันยายน 2565 โดยมีเป้าหมายเพื่อให้นักลงทุนทั่วไปได้รับฟังข้อมูลการดำเนินธุรกิจ และแผนงานในอนาคต รวมถึงเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตตามแผนการระดมทุน โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 120 ล้านหุ้น คิดเป็น 28.57% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ และคาดจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจบริการ (service) ภายในไตรมาส 4/2565
วัตถุประสงค์การระดมทุน นำไปใช้สำหรับการจัดซื้อเครื่องมือวิทยาศาสตร์ ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนเวียนในการประกอบธุรกิจ รวมทั้งเพิ่มความน่าเชื่อถือในระดับสากล ให้เป็นที่รู้จักของผู้ใช้บริการทั้งในและต่างประเทศ
ปัจจุบัน AMARC ประกอบธุรกิจการให้บริการทางวิทยาศาสตร์ ด้านเกษตร อาหาร ยา และสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจร ครอบคลุมทั้งการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ การสอบเทียบเครื่องมือ การตรวจสอบและรับรองระบบจัดการที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ด้วยห้องปฏิบัติการที่ประกอบไปด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย นักวิทยาศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางหลายแขนง AMARC มีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยทำให้สินค้าเกษตรและอาหารของประเทศไทย ได้รับการควบคุมคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงผู้บริโภค เพื่อร่วมสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้ผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมทั้งสร้างโอกาสให้ภาคธุรกิจและผู้ประกอบการ ผ่านการสร้างความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์และระบบการจัดการให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
ด้วยจุดแข็งในด้านความมั่นคงและชื่อเสียง จากการเป็นผู้ให้บริการทางวิทยาศาสตร์มายาวนานกว่า 18 ปี มีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยทำให้สินค้าเกษตรและอาหารของประเทศไทยได้รับการควบคุมคุณภาพ เพื่อร่วมสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้ผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ วางกลยุทธ์ที่มุ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการทดสอบ ตรวจสอบ และรับรองแบบ Comprehensive Supply Chain Service สำหรับอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร ทำให้บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจในการเป็นผู้ให้บริการจากลูกค้า สามารถรักษาฐานลูกค้ารายเดิมในอัตราที่สูง ขณะที่ทิศทางอุตสาหกรรมเกษตร อาหาร และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องมีแนวโน้มเติบโตในอนาคต จึงเป็นโอกาสให้ AMARC ขยายขอบเขตการให้บริการ และขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ในระดับภูมิภาคให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าในหลากมิติ
โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะมองหาโอกาสในการเติบโต ก้าวเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ พร้อมกับมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมและชุมชนไปพร้อมๆ กัน ด้วยวิสัยทัศน์ “มุ่งเป็นแล็บชั้นนำระดับสากล ผู้ตรวจสอบและรับรองคุณภาพ ผลิตภัณฑ์เกษตร อาหาร และสิ่งแวดล้อม ที่อุตสาหกรรมและผู้บริโภคเชื่อมั่น” เป็นที่ยอมรับและมีความสามารถทัดเทียมในระดับโลก ผลการทดสอบ และการตรวจรับรองของบริษัทฯ เป็นที่ยอมรับและไว้วางใจ
นายวิศรุต อังศุภากร ผู้อำนวยการสายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย จำกัด (มหาชน) หรือ AMARC (เอมาร์ค) กล่าวว่า การนำเสนอข้อมูลสรุปในงานโรดโชว์ครั้งนี้ เชื่อว่าจะทำให้นักลงทุนเชื่อมั่น ในศักยภาพการเติบโตของ AMARC ที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมด้วยการให้บริการแบบครบวงจร เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำทางด้านการบริการทางวิทยาศาสตร์ ด้านเกษตร อาหาร ยา ปัจจัยการผลิตทางการเกษตรและสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจร ครอบคลุมทั้งการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ การสอบเทียบเครื่องมือ การตรวจสอบ รับรอง ตามระบบคุณภาพและมาตรฐานสากล ด้วยห้องปฏิบัติการที่ประกอบไปด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย นักวิทยาศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางหลายแขนง
กลุ่มลูกค้าหลัก ประกอบด้วย เกษตรกรเพาะปลูก ประมง และปศุสัตว์ ผู้ผลิต โรงงานอุตสาหกรรม โรงงานแปรรูป ผู้จัดจำหน่าย และผู้ส่งออก ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร อาหาร และยา ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำตั้งแต่ผู้ประกอบการรายย่อย จนถึงบริษัทชั้นนำของประเทศ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานภาครัฐ การเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้มองว่าจะเป็นการปลดล็อกข้อจำกัดในการลงทุน เพิ่มโอกาสให้บริษัทฯเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562-2564) AMARC มีรายได้รวม 198.04 ล้านบาท 220.19 ล้านบาท และ 248.55 ล้านบาทตามลำดับ ขณะที่มีกำไรสุทธิ 18.19 ล้านบาท 28.43 ล้านบาท และ 24.86 ล้านบาท ตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 9.19% 12.91% และ 10.00% ตามลำดับ นอกจากนี้ อัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ระหว่างปี 2562-2564 ของรายได้รวมและกำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณ 12.03% และ 16.91% ตามลำดับ ขณะที่ผลประกอบการงวด 6 เดือน (ม.ค.-มิ.ย.65) บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 131.64 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 12.70 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 9.65%