xs
xsm
sm
md
lg

PCC มั่นใจเข้าเทรดวันแรกนักลงทุนตอบรับดี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




"พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น" มั่นใจเทรดวันแรกได้รับกระแสการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ชูจุดเด่นเติบโตยั่งยืน และเป็นผู้นำด้าน Smart Grid ครบวงจร และเป็นหุ้นรายแรกที่เน้นระบบส่งและจำหน่าย Smart Grid ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ด้านซีอีโอ “กิตติ สัมฤทธิ์” มั่นใจแผนการระดมทุนครั้งนี้ช่วยผลักดันธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน นำเงินลงทุนในโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและโครงการในอนาคต

นายกิตติ สัมฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (PCC) เปิดเผยว่า ในวันที่ 21 ตุลาคม 2565 หุ้น PCC จะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรก ในกลุ่มอุตสาหกรรม ทรัพยากร พลังงานและสาธารณูปโภค โดยจุดเด่นของบริษัทฯ คือการเป็นผู้นำธุรกิจโซลูชันครบวงจรของ Smart Grid และยังเป็นหุ้นรายแรกที่เน้นระบบส่งและจำหน่าย Smart Grid ประกอบกับบริษัทฯ มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง โดยผลประกอบการล่าสุด 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,727 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 15.3 จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,498 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 134 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 67.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 80 ล้านบาท

“การเข้าระดมทุนในครั้งนี้จะทำให้ชื่อเสียงของบริษัทฯ เป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศและระดับสากล ที่สำคัญทำให้มีเงินทุนรองรับในการเติบโต และสร้าง Technology Platform อื่น เพื่อแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน และสนับสนุน Smart Grid Technology Platform เดิมด้วย” นายกิตติ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนก่อสร้างโครงการศูนย์การขายและการตลาด (Group Integration Sale & Marketing Center) เพื่อขยายยอดขายของกลุ่มบริษัท เนื่องจากบริษัทเพิ่ม scale ของการผลิตในสินค้าเดิมและขยายสินค้าใหม่ โดยคาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2567

นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างเพิ่มกำลังการผลิตของหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่ายอีก 3 เท่า หรือคิดเป็นกำลังการผลิตรวมประมาณ 1,080 MVA ต่อปี ภายในปี 2567 และเพิ่มกำลังการผลิตตัวถังหม้อแปลงไฟฟ้า จากกำลังการผลิตประมาณ 2,000 ถังต่อปี เพิ่มเป็นประมาณ 7,500 ถังต่อปี และเพิ่มกำลังการผลิตตู้โลหะสำหรับตู้สวิตช์เกียร์ และตู้สวิตช์บอร์ด อุปกรณ์ควบคุม จากกำลังการผลิตประมาณ 2,000 ตู้ต่อปี เพิ่มเป็นประมาณ 3,200 ตู้ต่อปี ส่วนโครงการโรงงานผลิตในประเทศกัมพูชา คาดว่าเริ่มผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ได้ในต้นปี 2566

ด้านนายปาลธรรม เกษมทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโส วาณิชธนกิจ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า มั่นใจว่า PCC จะเป็นหุ้นน้องใหม่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้นักลงทุน เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ด้วยประสบการณ์การดำเนินธุรกิจของผู้บริหารมายาวนานเกือบ 40 ปี และด้วยจุดเด่น PCC ดำเนินธุรกิจครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำของระบบอุตสาหกรรมไฟฟ้า ทั้งการผลิต ส่ง และจำหน่าย ซึ่งนับเป็นธุรกิจที่ไม่เหมือนกับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อื่น และเป็นผู้ผลิตและให้บริการที่เป็นตัวสำคัญในการนำไฟฟ้าจากแหล่งผลิตที่มีขนาดใหญ่ มาถึงมือผู้บริโภคขั้นสุดท้ายที่มีความสำคัญต่อระบบไฟฟ้ามาก นอกจากนี้ PCC ยังมีศักยภาพการเติบโตในอนาคตได้อีกมาก จากการพัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริดของประเทศไทยของการไฟฟ้า ซึ่งมีแผนการลงทุน (2558-2579) เกือบ 2 แสนล้านบาท

น.ส.วีรยา ศรีวัฒนะ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน กล่าวว่า PCC เป็นผู้นําในธุรกิจเทคโนโลยีแพลตฟอร์มครอบคลุมอุตสาหกรรมสมาร์ทกริดของประเทศไทย ซึ่งการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ครั้งนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพฐานทุนให้แข็งแกร่ง และนำไปพัฒนาต่อยอดอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง คือ ห่วงโซ่อุปทานครบวงจรของอุตสาหกรรมไผ่ พืชพลังงาน พืชเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรม 4.0 ตามแนวทางเศรษฐกิจสีเขียว Bio-Circular-Green Economy (BCG) ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ของโลก

โดยมั่นใจว่าหุ้น PCC จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ซึ่งการกระจายหุ้น IPO ที่ผ่านมา มีนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไปให้ความสนใจเข้าจองซื้อหุ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ เนื่องจากมองเห็นถึงศักยภาพการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต และการที่บริษัทฯ มีความสัมพันธ์อันดีกับคู่ค้า เช่น Huawei, Schneider, Hitachi (Japan), Hitachi (Indonesia), Hyundai จะช่วยสนับสนุนการเติบโตได้ในอนาคตอีกมาก


กำลังโหลดความคิดเห็น