PCC ปลื้ม! กระแสตอบรับโรดโชว์ออนไลน์ดีเยี่ยม ชูจุดแข็งเป็นผู้นำด้าน Smart Grid ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ผลงานโตแกร่ง 6 เดือนแรกปีนี้กำไรพุ่ง 67.5% จากปีก่อน
บมจ.พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น หรือ PCC ปลื้ม! กระแสตอบรับโรดโชว์บนแพลตฟอร์มออนไลน์คึกคัก นักลงทุนเข้าฟังข้อมูลเพียบ สะท้อนความเชื่อมั่นธุรกิจเติบโตยั่งยืน ชูจุดแข็งเป็นผู้นำด้าน Smart Grid และเป็นหุ้นรายแรกที่เน้นระบบส่งและจำหน่าย Smart Grid อนาคตมีศักยภาพในการเติบโตไปพร้อมกับระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่ต้องพัฒนาระบบไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ขณะที่ผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง โชว์รายได้ 6 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 1,727 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 15.3 และมีกำไรสุทธิ 134 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 67.5 จากช่วงปีก่อน เตรียมลงสนามเทรดใน SET วันที่ 21 ตุลาคมนี้
นายปาลธรรม เกษมทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวาณิชธนกิจ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาทางการเงินบริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (PCC) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ทีมผู้บริหาร PCC และที่ปรึกษาทางการเงินได้ร่วมกันนำเสนอข้อมูล (Investor Roadshow) บนแพลตฟอร์มออนไลน์ให้นักลงทุนได้เข้าใจถึงภาพรวมธุรกิจ และแผนการดำเนินงานในอนาคต รวมทั้งให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตภายหลังจากการระดมทุนครั้งนี้ โดยกำหนดราคาขายไอพีโอที่ 4 บาท/หุ้น และกำหนดเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 21 ตุลาคม 2565 ในกลุ่มอุตสาหกรรม ทรัพยากร พลังงานและสาธารณูปโภค
"การโรดโชว์ในครั้งนี้ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดีเยี่ยม เนื่องจาก PCC เป็นผู้นำด้าน Smart Grid ที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำของระบบไฟฟ้า และเป็นหุ้นรายแรกที่เน้นระบบส่งและจำหน่าย Smart Grid ซึ่งในตลาดหุ้นไทยจะมีหุ้นที่เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าที่วัดกันที่ MW แต่ยังไม่มีหุ้นที่โฟกัสในส่วนที่จะนำพลังไฟฟ้าจากผู้ผลิตมาถึงประชาชนทั่วไป ซึ่งบริษัทฯ มีส่วนในการนำพลังงานไฟฟ้าจากระดับแรงดันสูง 500 kv มาให้ผู้บริโภคที่ใช้ 220 kv นอกจากนี้ มองว่าในระยะสั้นบริษัทฯจะเติบโตจากโครงการเพิ่มกำลังการผลิตของหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่ายที่จะเพิ่มขึ้นประมาณ 3 เท่า หรือคิดเป็นกำลังการผลิตรวมประมาณ 1,080 MVA ต่อปี ภายในปี 2567 และมีโครงการโรงงานผลิตในประเทศกัมพูชาที่จะรับรู้รายได้ในปีหน้า
ส่วนระยะยาวบริษัทฯ จะเติบโตไปพร้อมกับการพัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริดของประเทศไทย ซึ่ง กฟผ. กฟภ.และ กฟน. มีแผนการลงทุน (2558-2579) เกือบ 2 แสนล้านบาท" นายปาลธรรม กล่าว
โดย PCC มีแผนจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 307 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (Par Value) 1.00 บาทต่อหุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 25.03 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้
นายกิตติ สัมฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (PCC) กล่าวว่า นอกจากแผนการดำเนินธุรกิจในอนาคตที่มีความชัดเจนและมองเห็นภาพการเติบโตที่มีความแข็งแกร่งแล้ว ในส่วนของผลประกอบการของ PCC มีความโดดเด่นอย่างมากและเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญที่ทำให้นักลงทุนสนใจอย่างมากในครั้งนี้ โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,727 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 15.3 จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,498 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 134 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 67.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 80 ล้านบาท
ทั้งนี้ PCC ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ประกอบด้วยสายธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม ดังนี้ 1.กลุ่มธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ในระบบจำหน่ายไฟฟ้า งานบริหารโครงการ งานบริการ งานบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าทั้งแรงต่ำและแรงสูงขนาดไม่เกิน 115 kv และระบบบริหารจัดการพลังงานให้มีประสิทธิภาพ (Power Distribution & Energy Management System) 2.กลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูงและสายส่งไฟฟ้าแรงสูง พร้อมผลิตติดตั้งระบบควบคุมสำหรับระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ และผลิตมิเตอร์อัจฉริยะ (Intelligent Grid) และ 3.กลุ่มธุรกิจลงทุนผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน และผลิตเชื้อเพลิงจากพืชพลังงาน (Renewable Energy) และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง