นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงว่า ในระหว่างวันที่ 19-20 ตุลาคม 2565 จะมีการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปก (APEC Finance Ministers’ Meeting : APEC FMM) และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงเทพมหานคร โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 250 ท่าน จาก 21 เขตเศรษฐกิจเอเปก และองค์การระหว่างประเทศต่างๆ ประกอบด้วยการประชุม ดังนี้
1.การประชุม APEC FMM อย่างไม่เป็นทางการ (Retreat) ในวันที่ 19 ตุลาคม 2565 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจากสมาชิกเขตเศรษฐกิจเอเปกจะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหารือเกี่ยวกับภาพรวมของเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ปัจจัยสนับสนุนและอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และประเด็นนโยบายสำคัญที่ส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เช่น การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนด้านสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
2.การประชุม APEC FMM ในวันที่ 20 ตุลาคม 2565 มีประเด็นหารือสำคัญ ได้แก่
2.1 การหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มเศรษฐกิจการเงิน ความท้าทายต่อเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงการดำเนินนโยบายของเขตเศรษฐกิจเอเปก โดยผู้แทนจากองค์การระหว่างประเทศจะเป็นผู้นำเสนอข้อมูลต่อที่ประชุม ได้แก่ ผู้แทนจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF) กลุ่มธนาคารโลก (World Bank Group) ธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) และหน่วยงานสนับสนุนด้านโยบายเอเปก (APEC Policy Support Unit)
2.2 การหารือในประเด็นสำคัญที่ไทยผลักดันในช่วงการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปก ได้แก่ การเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อมุ่งสู่การเป็นเศรษฐกิจดิจิทัล โดยที่ประชุมจะได้พิจารณารับรองเอกสารข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในประเด็นข้างต้น เช่น การเงินเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน การสนับสนุนแหล่งเงินทุนทางการคลัง การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในงานด้านการคลังการเชื่อมโยงระบบการโอนและการชำระเงิน เป็นต้น ในการนี้ ไทยจะนำเสนอรายงานผลลัพธ์จากการสัมมนาเรื่องการพัฒนาสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อความยั่งยืนในตลาดทุน และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านการใช้เครื่องมือดิจิทัล ที่ได้หารือไปเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2565 ณ จังหวัดขอนแก่น ให้ที่ประชุมได้รับทราบ
2.3 การหารือประเด็นสืบเนื่องภายใต้กรอบการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปก ได้แก่ ความคืบหน้าของการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเซบู (Implementation of Cebu Action Plan : CAP) ซึ่งเป็นแนวทางหลักในการสนับสนุนการรวมกลุ่มด้านการเงินและการคลังของเอเปก พร้อมทั้งรับรองยุทธศาสตร์การนำแผนปฏิบัติการเซบู สู่การปฏิบัติฉบับใหม่ (New Strategy for Implementation of the CAP : New CAP) รวมทั้งจะมีการพิจารณาร่างแถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรี (Joint Ministerial Statement) ครั้งที่ 29 ด้วย
นอกจากนี้ ในช่วงกลางวันของวันที่ 20 ตุลาคม 2565 จะมีการประชุม APEC Business Advisory Council’s Executive Dialogues with APEC Finance Ministers ซึ่งเป็นการประชุมระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจากสมาชิกเขตเศรษฐกิจเอเปก หรือผู้แทน และผู้แทนจากภาคเอกชนเอเปก โดยจะมีการหารือในประเด็นการเข้าถึงการเงินดิจิทัลอย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น รวมถึงข้อเสนอแนะในด้านการเพิ่มความร่วมมือกับภาคเอกชนในการขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้กรอบการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปก
ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงการคลังคาดว่าจะสามารถนำข้อหารือต่างๆ ที่ได้รับจากการประชุม APEC FMM มาจัดทำเป็นแนวทางที่สำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และสภาพแวดล้อมด้านการเงินที่เอื้อต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมถึงการดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบการเงินและการคลังได้ต่อไปในอนาคต เช่น การออกพันธบัตรเพื่อความยั่งยืนที่แพร่หลายมากขึ้น การนำเครื่องมือดิจิทัลมาใช้ในการส่งผ่านมาตรการของรัฐอย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น การเพิ่มการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินข้ามพรมแดนระหว่างเขตเศรษฐกิจคู่ค้าต่างๆ เป็นต้น
ด้วยความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลังและหน่วยงานอื่นๆ กระทรวงการคลังได้เตรียมงานการจัดประชุมครั้งนี้ในด้านต่างๆ เช่น สถานที่จัดประชุม การเลี้ยงรับรอง การอำนวยความสะดวก ณ ท่าอากาศยาน การรักษาความปลอดภัย การประชาสัมพันธ์ รวมถึงการจัดเตรียมกิจกรรมนอกสถานที่สำหรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้เข้าร่วมการประชุม เป็นต้น โดยทั้งหมดได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยและพร้อมรับรองการจัดการประชุมในวันที่ 19-20 ตุลาคมนี้ ซึ่งการจัดประชุมดังกล่าวเป็นโอกาสหนึ่งในการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศ พร้อมทั้งเป็นโอกาสในการนำเสนอศักยภาพของไทยในการดำเนินนโยบายการเงิน การคลัง และการจัดประชุมระหว่างประเทศ
สำหรับการประชุม APEC FMM ครั้งต่อไป สหรัฐอเมริกาจะทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพ โดยคาดว่าจะจัดขึ้นในเดือนตุลาคม 2566
กองนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร.0-2273-9020 ต่อ 3615