ราคาหุ้น บจ.ลุยผลิตสินค้าที่มีส่วนผสมของกัญชง-กัญชา ล่าสุดเริ่มอ่อนตัวลง จากก่อนนั้นทะยานถ้วนหน้า หลังรัฐประกาศปลดล็อก เหตุเกิดกระแสหลากหลาย หวั่นมีมาตรการป้องกันเข้มคุมปลูกและใช้กัญชา โบรกเกอร์เตือนนักลงทุนระมัดระวัง เพราะ บจ.เบนสู่กัญชง-กัญชา ส่วนใหญ่ผลประกอบการขาดทุน ประเมินรายได้จากธุรกิจนี้ ยังไม่อาจช่วยชดเชยส่วนขาดทุนได้และไม่มีความชัดเจนในการสร้างกำไร ขณะแต่ละบริษัทเร่งผลิตสินค้าสู่ตลาด หวังสร้างรายได้ทะยาน
หลังจาก เมื่อ 9 มิ.ย. ดีเดย์ที่รัฐประกาศปลดล็อกกัญชง กัญชา ออกจากยาเสพติดประเภท 5 แต่ต้องเป็นส่วนประกอบต่างๆ ที่มีสาร THC ไม่เกิน 0.2% สามารถมีไว้ในครอบครอง นำเข้า ส่งออก จำหน่าย ปลูกในบ้านกี่ต้นก็ได้ ไม่ต้องขออนุญาต แต่ต้องยื่นจดแจ้งกับ สธ.จังหวัด หรือ อย. และ กัญชา กัญชง ไม่จัดเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 อีกต่อไป ทำให้ประชาชนทั่วไป ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2565 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เปิดข้อมูลตัวเลขการใช้บริการแอปพลิเคชัน ปลูกกัญ พบว่ามียอดผู้ใช้งานสะสม 37,093,501 ครั้ง ส่วนจำนวนการลงทะเบียนอยู่ที่ 785,192 คน ทั้งนี้ ออกใบรับจดแจ้งกัญชาแล้ว 761,366 ใบ ส่วนใบรับจดแจ้งกัญชงออกแล้ว 23,826 ใบ และช่วง 4 วันที่ผ่านมาตัวเลขทั้งการเข้าใช้งาน ยื่นจดแจ้ง และการออกใบรับยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี หลายฝ่ายแนะต้องมีมาตรการเพื่อควบคุมใช้กัญชาทางการแพทย์และสุขภาพเท่านั้น หากต้องการเปิดให้มีการเสพหรือบริโภค ต้องมีมาตรการ 7 ข้อ คือ เก็บภาษีสรรพสามิตในอัตราสูง นำเงินไปใช้ในการส่งเสริมสุขภาพและให้ความรู้ประชาชน, กำหนดอายุขั้นต่ำของผู้ซื้อหรือเสพกัญชา 25 ปีขึ้นไป, ห้ามโฆษณาใดๆ ในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสารสกัดจากกัญชาที่มีผลเสียต่อสุขภาพ, กำหนดให้มีคำเตือนถึงภัยและผลกระทบ เผยแพร่ข้อมูลประโยชน์และโทษของกัญชา, บังคับให้ผู้ประกอบการหรือผู้ขายต้องเปิดเผยส่วนผสมของกัญชาในอาหาร หรือเครื่องดื่ม อย่างชัดเจน, กำหนดพื้นที่และเวลาสำหรับเป็นเขตปลอดกัญชา และจำกัดการนำเข้าและส่งออกกัญชาและผลิตภัณฑ์กัญชา ยกเว้นการใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และการผลิตยารักษาโรคเท่านั้น
อย่างไรก็ดี บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งที่ลุยเรื่องกัญชาทั้งต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ ขยายธุรกิจเกี่ยวข้องกับกัญชาไปสู่ผลิตภัณฑ์ และในรูปแบบที่หลากหลาย ทำให้ราคาหุ้นบริษัทที่ไปลงทุนในธุรกิจดังกล่าวทะยานรับข่าว จากตารางจะพบว่าเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ราคาหุ้นทะยานและปิดบวกถ้วนหน้า มูลค่าซื้อขายหนาแน่น รับข่าวต่อเนื่องหลายวัน กระทั่งราคาปิดล่าสุด 20 มิ.ย.ที่จะเห็นว่าราคาหุ้นแผ่วลงแล้ว ส่วนหนึ่งเพราะก่อนหน้าราคาหุ้นวิ่งรับข่าวไปมากแล้ว และมีหลายกระแสที่ออกมาแสดงความเห็นและผลกระทบจากการปลดล็อกดังกล่าว น่าจะมีข้อจำกัดในการใช้กัญชามากกว่าที่คาดหวัง อาจทำให้มีการออกมาตรการเข้มมาคุม
บจ.เร่งผลิตสินค้าสู่ตลาด หวังรายได้ทะยาน
นายธนิน ศรีเศรษฐี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โอดี ไบโอเทค หรือ DOD เผยว่าหลังจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้พืชกัญชาไม่จัดเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ซึ่ง DOD เริ่มส่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมสารสกัดจากกัญชง ในส่วนของ CBD (Cannabidiol) ส่วนผสมน้ำมันจากเมล็ดกัญชง(Hemp Seed Oil) และจากโปรตีนเมล็ดกัญชงที่มีสาร Tetrahydrocannabinol (THC) ต่ำกว่า 0.2% ในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแล้ว 2 โปรดักต์ออกสู่ตลาด อยู่ระหว่างพัฒนาร่วมกับลูกค้า ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมีสินค้าใหม่เพิ่มกว่า 10 โปรดักต์ ที่จะออกช่วงครึ่งปีหลัง และสำหรับ DOD นั้นมีใบอนุญาตครบหมดแล้ว จึงผลิตขายได้ตั้งแต่ก่อนสิ้นปี 64 ส่วนผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมสารสกัดจากกัญชง หลังจากที่มีการส่งมอบไปบ้างแล้วนั้น จะเริ่มรับรู้ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 65 นี้เป็นต้นไป
พญ.จัณจิดา รัตนภูมิภิญโญ กรรมการ RBF หรือ บมจ.อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย เผยว่าบริษัทฯ จะทยอยรับรู้รายได้จากธุรกิจกัญชงเพิ่มขึ้น เนื่องจากผลผลิตโรงสกัดสารกัญชงของบริษัทฯ เริ่มมีการส่งมอบให้กับลูกค้าไปบ้างแล้วบางส่วน ทั้งธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง และบริษัทฯ ได้เซ็นสัญญารับคำสั่งซื้อกับลูกค้ารายใหญ่แล้วหลายราย ประกอบกับบริษัทฯ เตรียมยกระดับมาตรฐานการผลิตโรงสกัดสารกัญชง เพื่อรองรับคำสั่งซื้อจากกลุ่มลูกค้าเวชภัณฑ์และการแพทย์เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยเสริมรายได้อีกช่องทางหนึ่ง ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยประเมินว่ารายได้ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากยอดขายในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันเซ็นสัญญารับคำสั่งซื้อกับลูกค้ารายใหญ่แล้วหลายราย ล่าสุดเริ่มมีการต่อยอดและทยอยออกสินค้าปลายน้ำสู่ตลาดในประเทศแล้ว ทำให้ RBF เริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจกัญชงเข้ามาตั้งแต่ไตรมาสแรก
นายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค หรือ KWM แจ้งว่าหลังประกาศ “ปลดล็อกกัญชง-กัญชา” ส่งผลให้ส่วนต่างๆ ของพืชกัญชาไม่มีสถานะเป็นยาเสพติดอีกต่อไป บริษัทคาดจะสนับสนุนให้กระบวนการผลิตสินค้า รวมถึงการสกัดสารมีผลดีต่อธุรกิจโดยรวมในอุตสาหกรรมกัญชง-กัญชา รวมถึงส่งผลให้กับ KWM ด้วย โดยบริษัท แล็บแอคทีฟ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน จะสกัด แปรรูปวัตถุดิบที่ได้จากพืชผลทางการเกษตร และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง และสกินแคร์ ในรูปแบบ OEM นั้น จะผลิตสินค้าสู่ตลาดไตรมาส 3 ปีนี้ คาดมีรายได้20 ล้านบาท พร้อมเตรียมพื้นที่ปลูกกัญชง-กัญชาแล้วไม่เกิน 600 ตารางเมตร และเตรียมเดินหน้าขอใบอนุญาตเพื่อตั้ง โรงสกัดสาร CBD จากพืชกัญชง-กัญชา คาดจะเห็นความชัดเจน 2-3 เดือนต่อจาก
ดร.สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง หรือ GUNKUL เผยว่าจากพืชกัญชาไม่จัดเป็นยาเสพติดให้โทษนั้น ถือเป็นผลบวกต่อบริษัทที่ดำเนินธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ รวมถึง GUNKUL ซึ่งจะสร้างความยั่งยืนในอนาคตได้ โดยผู้ที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดในช่วงแรก คือ ผู้ประกอบการกลุ่มต้นน้ำ (ผู้ปลูก) และกลางน้ำ (โรงสกัด) ที่คาดว่าจะเห็นรายได้เข้ามาก่อน ซึ่งจะมีอำนาจต่อรองราคาสูงและมีความเสี่ยงด้านการแข่งขันต่ำ กว่าผู้ประกอบการกลุ่มปลายน้ำ (กลุ่มเครื่องดื่ม, เครื่องสำอาง) และ GUNKUL มีเป้าหมายต้องการผลิตกัญชง-กัญชาระดับ Medical Grade เพื่อใช้ในทางการแพทย์ การควบคุมการเพาะปลูกจึงสำคัญมาก ซึ่งทำให้มีเคมีตรงกับกลุ่มนักปลูกกัญชงกัญชา (Grower) ที่ได้ร่วมมืออยู่ในปัจจุบันที่เน้นการปลูกแบบไม่มีการปนเปื้อนและมีการควบคุมที่ดี ทำให้มั่นใจได้ว่ากัญชา กัญชงที่ GUNKUL เพาะปลูกมีมาตรฐานและมีศักยภาพมากพอสำหรับส่งออกเพื่อใช้ในทางการแพทย์
นายธีร ชุติวราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อัลฟ่า ดิวิชั่นส์ หรือ ALPHAX เผยว่า ALPHAX หันมาลุยพืชกัญชง และ/หรือกัญชา ด้วยการเพิ่มทุน 47,849,594.25 บาท เพื่อนำเงินซื้อเครื่องจักรสำหรับการผลิตสารตั้งต้น เคมีภัณฑ์และวัตถุดิบประเภทพืชกัญชง และ/หรือกัญชา เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตอาหารเสริมและยา การลงทุนปลูกพืชกัญชง และ/หรือกัญชา การพัฒนาพื้นที่สำหรับปลูกโครงสร้างโรงเรือนและงานระบบ และการลงทุนทางด้านการตลาดและจัดจำหน่าย รวมถึงใช้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ทำให้ ALPHAX จะรับรู้รายได้จากธุรกิจสารสกัดกัญชงได้แบบเต็มไตรมาส อีกทั้งเพิ่มกำลังการผลิตอีก 100 เท่า โดยได้สั่งซื้อเครื่องจักรแล้ว ซึ่งมีศักยภาพในการป้อนวัตถุดิบ 30,000 กิโลกรัม (30 ตัน) ต่อเดือน และมีกำหนดเดินเครื่องผลิตช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ ทำให้คาดว่าปี 65 จะมีรายได้จากธุรกิจกัญชงกัญชา 450 ล้านบาท ล่าสุด ALPHAX ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ “ช่อดอกกัญชาเกรดพรีเมียม” ซึ่งเป็นสายพันธุ์ต่างประเทศกว่า 10 สายพันธุ์ พร้อมจำหน่ายกว่า 500 กิโลกรัม ตั้งเป้าหมายจำหน่ายได้ทั้งหมดภายใน 1 เดือนและรับรู้รายได้ทันทีในไตรมาส 2 ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
นายวรศักดิ์ เกรียงโกมล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อีเทอเนิล เอนเนอยี หรือ EE ได้ออกและขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ผู้ถือหุ้น (RO) มูลค่ากว่า 1,300 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ลงทุนโครงการโรงงานสกัดกัญชง/กัญชากลางน้ำ และต่อยอดไปจนถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในปลายน้ำ หวังให้เป็นผู้นำในธุรกิจกัญชงครบวงจรก้าวสู่การเป็นยักษ์ใหญ่ กัญชงระดับประเทศและระดับโลกต่อไปได้ ซึ่งไตรมาส 2 ปีนี้ EE จะเริ่มรับรู้รายได้ “ธุรกิจต้นน้ำ-ปลูกกัญชง” ของบริษัทย่อยที่สระบุรีและลำพูน และก้าวสู่ “ธุรกิจกลางน้ำ หรือ โรงสกัดฯ” ซึ่งปี 65 บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 250 ล้านบาท ขณะที่ปี 66 ตั้งเป้ากำไรสุทธิจะเติบโตเท่าตัว เพราะบริษัทมีแผนเจรจากับพันธมิตรหลายราย “จัดตั้งโรงสกัดสาร CBD รวมทั้งขยายเข้าสู่ธุรกิจปลายน้ำ พัฒนาผลิตภัณฑ์จากสารสกัดกัญชง ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรหลายราย เพื่อร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสารสกัดกัญชง คาดเริ่มเห็นความชัดเจนและเริ่มจำหน่ายสินค้าได้ในปี 66
บมจ.ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น หรือ TWZ ตั้งบริษัท สยามเมดิคอล แคนนาบิส จำกัด ร่วมกับบริษัท เอเอไบโอ จำกัด โดย TWZ ถือหุ้น 49% ผ่านบริษัท ซีบีดี คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TWZ และ AABIO ถือหุ้น 51% นั้น ล่าสุด บริษัท สยามเมดิคอล แคนนาบิส ก็ได้รับคำสั่งซื้อน้ำมันกัญชงสกัดล่วงหน้าจากบริษัท แคนน์ โกลบอล จำกัด ยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมกัญชงของโลก คาดจะส่งสินค้าและรับรู้รายได้จากการขายเฟสแรกได้ในไตรมาสแรกปี 65 ขณะเดียวกัน บริษัท ซีบีดีฯ ซึ่งบริษัทย่อยของ TWZ โดยเป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายอุปกรณ์เทคโนโลยี LED เพื่อการเพาะปลูกกัญชงและกัญชา ได้ลงนามความร่วมมือกับ บมจ.ณุศาศิริ หรือ NUSA ในการจะซื้อขายผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีหลอดไฟ LED สำหรับใช้ในกลุ่มการเกษตร และในโรงเรือนเพาะปลูกกัญชงและกัญชา เพื่อจะร่วมมือกันพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีหลอดไฟ LED เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน รวมถึงการจัดตั้งโรงงานจัดประกอบภายในประเทศในอนาคต
นายนพพร ภัทรรุจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โกลบอล คอนซูเมอร์ GLOCON กล่าวว่าบริษัทได้รับใบอนุญาตสกัดน้ำมันจากเมล็ดกัญชง และใบอนุญาตผลิตอาหารประเภทอาหารควบคุมเฉพาะทั้ง เมล็ดกัญชง น้ำมันจากเมล็ดกัญชง โปรตีนจากเมล็ดกัญชง และผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของเมล็ดกัญชง น้ำมันจากเมล็ดกัญชง หรือโปรตีนจากเมล็ดกัญชง (เฉพาะน้ำมันจากเมล็ดกัญชง) รายแรกและรายเดียวในไทย พร้อมลั่นกลองรบเดินหน้ายึดหัวหาดอุตสาหกรรมอาหารผสมกัญชงเมืองไทยอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง GLOCON เตรียมส่งผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานผสมกัญชง ทดสอบดีมานด์ตลาดไตรมาส 3 ปีนี้ ภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้จะแล้วเสร็จ พร้อมลุยตลาดได้อย่างเต็มรูปแบบ ผ่านช่องทางจัดจำหน่ายพันธมิตรหลัก “ร้านสะดวกซื้อรายใหญ่” ก่อนจะขยายไปยังโมเดิร์นเทรดทั่วประเทศ
นายพีรพันธ์ จิวะพรทิพย์ กรรมการ ผู้จัดการ บมจ.สาลี่ คัลเล่อร์ หรือ COLOR ผยหลังพืชกัญชาปลดไม่จัดเป็นยาเสพติดให้โทษ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนธุรกิจเกี่ยวกับกัญชากัญชง รวมทั้งผลบวกต่อบริษัทที่ปัจจุบันได้มีการขยายธุรกิจภาคการเกษตร อย่างการผลิตฟิล์ม คัดกรองแสง Meet-1 โรงเรือนปลูกกัญชาป้อนให้กับวิสาหกิจชุมชน และถุงห่อ Magik Growth ให้กับชาวสวนผลไม้ และส่งผลให้ความต้องการเพิ่ม บริษัทได้รับออเดอร์การสั่งซื้อถุงปลูก Magik Growth เพื่อเพิ่มผลผลิตมากขึ้น ซึ่งทำครอบคลุมในทุกขนาดต้นกัญชา และจะสนับสนุนรายได้เติบโตเพิ่มในอนาคต
นอกจากนี้ยังมี บจ. ที่โหนกระแส อย่าง บมจ.ซันสวีท หรือ SUN ที่คว้า 2 ใบอนุญาตกัญชง จาก อย. ลุยธุรกิจต้นน้ำเต็มตัว ธุรกิจปลูกและสกัดในพื้นที่อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ และร่วมกับ บมจ.โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจอเอสพี (ประเทศไทย) หรือ JP และบริษัท เค ที ดี เอ็ม จำกัด (KTDM) ที่ลงนามความร่วมมือ 3 ฝ่าย ลุยพัฒนาผลิตภัณฑ์จากกัญชงครบวงจร ขณะที่ บมจ.ชโย กรุ๊ป หรือ CHAYO ส่งบริษัท 555 ช้อปปิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จับมือพันธมิตร DOD เซ็น MOU ร่วมกันสร้างผลิตภัณฑ์สารสกัดจากกัญชงตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ อีกทั้ง บมจ.ฮั้วฟง รับเบอร์ (ไทยแลนด์) หรือ HFT ที่รุกเข้าสู่ธุรกิจกัญชาและกัญชง ด้วยการขายเครื่องมือและอุปกรณ์การปลูกแบบอินดอร์ ทั้งการปลูกในระดับครัวเรือน และเชิงพาณิชย์ ส่วน STA หรือ บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี ให้บริษัทย่อยปลูกกัญชงและได้รับใบอนุญาตจาก อย. ด้วยการลงทุนปลูกกัญชง 100-200 ไร่ คาดเก็บเกี่ยวผลผลิตปลายปี และ บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป หรือ THG บริษัทลูก ธนบุรี คานาบิซ จำกัด (มหาชน) หรือ THC ด้วยงบเริ่มต้น 100 ล้านบาท วางเป้าหมายเป็นผู้นำด้านตลาดกัญชงครบวงจร คาดว่าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจกัญชงและกัญชา เพิ่มขึ้นเป็น 10% ภายใน 3 ปี รวมถึงบริษัทที่มีผลการดำเนินงานที่ยังขาดทุนอย่าง บมจ.บูทิค คอร์ปอเรชั่น หรือ BC, บมจ. สยามเวลเนสกรุ๊ป หรือ SPA, บมจ.เอฟเอ็น แฟคตอรี่ เอ๊าท์เลท หรือ FN และ บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้ หรือ BEAUTY
บล.เอเชีย พลัส เตือนลงทุนระมัดระวัง
บล.เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ประเมินหลังการปลดล็อกกัญชา ประกาศจากกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2565 และหากเรียงลำดับกฎหมายความผ่อนปรนด้านกัญชา 7 ประเภท การปลดล็อกครั้งนี้ทำให้ไทยถือเป็นประเทศที่กัญชาเสรีที่ผ่อนคลายสูงสุดเทียบเท่ากับ “แคนาดา” ที่เป็นรายใหญ่ด้านกัญชง-กัญชาของโลก และปัจจุบันมีการเก็งกำไรจากกระแสดังกล่าวค่อนข้างมาก แต่หากดูผลประกอบการแต่ละบริษัทชั้นนำในต่างประเทศที่เป็นผู้นำตลาดในธุรกิจกัญชงและกัญชาส่วนใหญ่จะประกอบธุรกิจอยู่ในสหรัฐฯ โดยผลประกอบการ 2 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าบริษัทเหล่านั้นมีแนวโน้มรายได้ที่เติบโต แต่ในทางกลับกันพบว่าผลประกอบการของบริษัทต่างๆ ยังแสดงเป็น “ผลขาดทุน” ต่อเนื่องทุกปี หากพิจารณาราคาหุ้นของบริษัทขนาดใหญด้านกัญชาโลกช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าราคาหุ้นในกลุ่มส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นไปมาก คาดมาจากกระแสเก็งกำไรในธุรกิจดังกล่าว จากผลประกอบการที่ดูย่ำแย่ ส่งผลให้นักลงทุนขายหุ้นทำกำไรออกมา ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงและเร็วกว่า 30% จากช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ในส่วนของตลาดหุ้นไทย เริ่มมีผู้ประกอบการในธุรกิจหลายรายให้ความสนใจและเข้าลงทุนในธุรกิจกัญชง กัญชา ซึ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้น ซึ่ง ASPS คัดเลือกบริษัทที่เริ่มเห็นพัฒนาการที่ชัดเจนขึ้น ทั้งด้านการปลูก การสกัด และออกผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงบริษัทที่มีฐานกำไรยังต่ำกว่า 500 ล้านบาท RBF, DOD, และ SAPPE ซึ่งอาจจะทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นตามกระแสได้ง่าย ขณะบางบริษัทที่ยังเผชิญเป็นผลขาดทุน อย่าง SPA, FN, BEAUTY, BC เป็นต้น โดย ASPS เชื่อว่าธุรกิจกัญชงยังไม่สามารถเข้ามาช่วยชดเชยส่วนขาดทุนเหล่านี้ได้ และยังไม่มีความชัดเจนในแง่ของการสร้างกำไรในธุรกิจดังกล่าวอย่างมีนัย ขณะราคาหุ้นปัจจุบันในกลุ่มฯ ปรับตัวขึ้นแรง รับกระแสไปมากแล้ว แนะนำนักลงทุนเก็งกำไรด้วยความระมัดระวัง