"สหไทยการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์" ปิดเทรดวันแเรก 18.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท หรือ 4.44% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 2,805.57 ล้านบาท ผู้บริหารเผยเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะนำมาใช้ขยายโรงงาน ลงทุนเครื่องจักร เพื่อปลดล็อกกำลังการผลิต ขณะโบรกเกอร์ให้ราคาเป้าหมาย 22-24 บาท
หุ้น บมจ.สหไทยการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ หรือ STP เข้าซื้อขายวันแรก เมื่อเปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 20.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท เหนืองจอง 11.11 % จากราคาไอพีโอ (IPO) ที่กำหนดไว้หุ้นละ 18.00 บาท และเมื่อปิดตลาดช่วงเช้า ราคาหุ้นปิดที่ 20.10 บาท เพิ่มขึ้น 2.10 บาท หรือ 11.67% จากราคา IPO ที่ 18.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 2,361.91 ล้านบาท เมื่อปิดตลาดราคาหุ้นปิดที่ 18.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท หรือ 4.44% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 2,805.57 ล้านบาท
นายสุรนัย โรจน์วงศ์จรัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร STP เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปี 65 จะเติบโต 5-10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 561 ล้านบาท และคาดว่าภายใน 2-3 ปี รายได้จะเพิ่มขึ้นแตะ 750 ล้านบาท เร็วกว่าเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะใช้เวลา 5 ปี เนื่องจากปัจจุบันมีออเดอร์บรรจุภัณฑ์จากกลุ่มอาหารทะเลแปรรูป ซึ่งเป็นลูกค้าหลักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มมียอดขายลดลงเพราะกำลังการผลิตของบริษัทไม่เพียงพอ ดังนั้นการเข้าระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในครั้งนี้จะนำไปขยายกำลังการผลิต เพื่อให้สามารถรับออเดอร์จากกลุ่มเครื่องดื่มได้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นลูกค้าในประเทศก่อน เพราะมีฐานการผลิตในไทยเป็นหลักจึงมีความพร้อมหลายด้าน ซึ่งลูกค้าของบริษัทส่วนใหญ่เป็นบริษัทส่งออก อย่างไรก็ดี บริษัทไม่ได้ปิดกั้นโอกาสการขยายตลาดต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศไม่ถึง 1% จึงยังมีโอกาสอีกมาก และมองว่าผลประกอบการในไตรมาส 2/65 จะยังคงดีต่อเนื่องจากไตรมาส 1/65 เนื่องจากบริษัทใช้กำลังการผลิตเต็มที่แล้ว หลังจากได้รับออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จะนำมาใช้ขยายโรงงาน ลงทุนเครื่องจักร เพื่อปลดล็อกกำลังการผลิต รองรับแผนการดำเนินงานที่วางไว้ ซึ่งจะช่วยยกระดับฐานรายได้ให้เติบโตในอนาคต
บล.โกลเบล็ก เป็นผู้ร่วมจัดจ่าหน่ายหุ้น IPO ของ บมจ.สหไทยการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ (STP) ให้ราคาเหมาะสมที่ 24.25 บาท โดยคาดรายได้และกำไรปี 65 อยู่ที่ 617 ล้านบาท และ 134 ล้านบาท เติบโต 10% เทียบปีก่อน และ 8% ตามลำดับ โดยได้แรงหนุนจาก การขยายตัวของการส่งออกอาหารสัตว์จะเติบโตราว 20% ในปี 65 การขยายตัวของมูลค่าบรรจุภัณฑ์ในตลาดโลกขยายตัว 8% และ การขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีก 50% สู่ 74.6 ล้านแผ่นพิมพ์ต่อปี เพื่อลดการจ้างผลิตจากภายนอก คาดแล้วเสร็จช่วงปลายปี 2565 และคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวลงเล็กน้อยจาก 38% สู่ระดับ 37.3% เนื่องจากมีการจ้างผลิตจากโรงงานภายนอก อีกทั้งการขยายกำลังการผลิตคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 65 ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันต่ออัตรากำไรขั้นต้น
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า จากการประมาณการเบื้องต้น บมจ.สหไทยการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ (STP) มีมูลค่าที่เหมาะสมในปี 2565 ที่ 22.06 บาท (อิงบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมทั้งที่มีลักษณะการดำเนินธุรกิจใกล้เคียงกัน ที่ P/E 15.1 เท่า) จากคาดในปีนี้บริษัทได้รับแรงหนุนจากการบริโภคที่มากขึ้นตามการเริ่มใช้ชีวิตปกติของประชาชนหลังการระบาดของโควิด-19 ผ่อนคลายลง และรับแรงหนุนจากกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงที่มีการเติบโตสูง จากแนวโน้มการเลี้ยงสัตว์มากขึ้น