ตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ต้อนรับ บมจ.สหไทยการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ (STP) เริ่มซื้อขาย 14 มิ.ย.นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,800 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "STP"
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ตลาด mai ยินดีต้อนรับ บมจ.สหไทยการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ภายใต้กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "STP" ในวันที่ 14 มิถุนายน 2565
STP ประกอบธุรกิจรับพิมพ์บรรจุภัณฑ์กระดาษและสิ่งพิมพ์ทุกชนิด ด้วยระบบพิมพ์ออฟเซท (Offset Printing) บนกระดาษที่บริษัทจัดหา หรือพิมพ์บนกระดาษที่ลูกค้าจัดหามาเอง โดยเป็นผู้ให้บริการตั้งแต่การพัฒนาและออกแบบบรรจุภัณฑ์ การจัดทำเพลทที่มีคุณภาพสูง การพิมพ์งานสูงสุด 12 สี และมีบริการหลังพิมพ์ตามความต้องการของลูกค้า เช่น การเคลือบยูวี การปั๊มฟอยล์ทองหรือฟอยล์เงิน การประกบลูกฟูก การไดคัท บริษัทมีกลุ่มลูกค้ารายใหญ่เป็นผู้ผลิตเพื่อการส่งออกในกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มธุรกิจเวชภัณฑ์ และกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อการอุปโภคทั่วไป
ในปี 2564 บริษัทมีโครงสร้างรายได้จากการผลิตบรรจุภัณฑ์ด้วยกระดาษที่บริษัทจัดหา 94% รายได้จากการให้บริการ 3% และรายได้อื่น 3% ปัจจุบันบริษัทมีที่ตั้งของโรงงานซึ่งเป็นที่เช่าระยะยาว 30 ปี ครบกำหนด 31 ส.ค.2592 อยู่ที่อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี บนพื้นที่กว่า 25 ไร่ ด้วยขนาดกำลังการผลิตรวม 49.7 ล้านแผ่นพิมพ์ต่อปี
STP มีทุนชำระแล้ว 100 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 74.60 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 25.40 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อบุคคลตามดุลพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 17.99 ล้านหุ้น เสนอขายต่อนักลงทุนสถาบัน 2.50 ล้านหุ้น เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัท 3.81 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหารและพนักงานของบริษัท 1.10 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 2 และ 6-7 มิถุนายน 2565 ในราคาหุ้นละ 18 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 457.20 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,800 ล้านบาท
ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ประมาณ 15 เท่า คำนวณจากกำไรสุทธิ 12 เดือนย้อนหลัง (ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565) ซึ่งเท่ากับ 122.30 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.22 บาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ
นายสุรนัย โรจน์วงศ์จรัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร STP เปิดเผยว่า บริษัทมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจการพิมพ์บรรจุภัณฑ์มานานกว่า 50 ปี เน้นการให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยคุณภาพ บริการ และกระบวนการผลิตที่เป็นมาตรฐานสากล จึงได้รับความไว้วางใจและความเชื่อมั่นจากลูกค้าตลอดมา สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้ลงทุนในการขยายโรงงานและลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติม รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ
STP มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO ได้แก่ กลุ่มครอบครัวโรจน์วงศ์จรัต โรจนวงศ์จรัส และโรจน์วงศ์จรัส ถือหุ้นรวม 74.60%
บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีจากงบเฉพาะกิจการในแต่ละงวด หลังหักเงินสำรองตามกฎหมายและตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัทฯ