ณ ห้วงเวลานี้ที่ทุกสายตาจับจ้องไปที่โดควอน และทีมงานของเขาที่ Terraform Labs ตั้งแต่การล่มสลายของ Terra Luna และ UST และการเปิดตัว Terra 2.0 โดยมีการกล่าวหาหลายประการต่อผู้ก่อตั้งและ TFL ซึ่งบางข้อกล่าวหามีทั้งพยานบุคคล และหลักฐานบันทึกเส้นทางการเงิน ซึ่งสามารถใช้ในกระบวนการพิจารณาของศาลในอนาคตได้
ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ SEC ของสหรัฐอเมริกาซึ่งได้อ้างอิงเอกสารหลักฐานจาก Naver โดยระบุว่า Do Kwon วางแผนล่วงหน้ามาหลายเดือนแล้วว่า Terra กำลังจะพังทลายลง โดยทาง Do Kwon ได้มีการโอนเงินออกจากกองทุนของบริษัท “ในทุกๆ เดือน ตลอดระยะเวลาหลายเดือนติดต่อกัน”
โดยประเมินมูลค่ารวมเฉลี่ยประมาณ 100,000 ล้านวอน หรือ 2,700 ล้านบาท ที่โอนออกไปกระจายยังบัญชีธนาคารระหว่างประเทศ บัญชีต่างๆ กัน โดยลงบันทึกรายการนี้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของ Operating Expenses หรือค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจการ ซึ่งการโอนเงินดังกล่าวออกไปนั้นมาจากการกระทำด้วยตนเอง โดยไม่ได้ผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการบอร์ดบริษัท ซึ่งผู้ที่มาเปิดเผยข้อมูลชุดนี้คือ พนักงานบริษัทของ Do Kwon นั่นเอง
นอกจากนี้ Do Kwon และ TFL อาจต้องโดนคดีหลายข้อหาหนักมากกว่าที่เป็นอยู่แล้ว หากข้อกล่าวหาเหล่านี้ได้รับการพิสูจน์ด้วยหลักฐานที่แน่ชัด ซึ่งในเกาหลีใต้ หน่วยงานทั้งสองกำลังเผชิญกับข้อกล่าวหาเรื่องการหลีกเลี่ยงภาษี โดยสรรพากรซึ่งจัดเก็บภาษีได้คิดค่าปรับและจำนวนภาษีที่จะต้องจ่ายมากถึง 78 ล้านดอลลาร์
วางแผนล่วงหน้าในการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในระบบ 20% ก่อนโอนเงินหนี
ตามรายงานเพิ่มเติมจากสื่อของเกาหลีใต้ Do Kwon และ TFL ทราบดีว่า Terra กำลังจะพังทลายลงหลายเดือนก่อนเกิดภัยพิบัติ Luna และ UST ขณะเดียวกันนั้น พนักงานซึ่งทราบถึงช่องโหว่ปัญหาของระบบ และได้ให้ปากคำจากทางไกลต่อทาง ก.ล.ต. สหรัฐฯ ซึ่งระบุว่า พวกเขาได้แจ้งปัญหาของช่องโหว่ที่เกิดขึ้นนั้นกับทาง Do Kwon แล้วเกี่ยวกับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น จากข้อบกพร่องในการออกแบบของระบบนิเวศ Terra แต่ทาง Do Kwon เพิกเฉยต่อคำเตือนของพวกเขา และดำเนินแผนการฟอกเงินต่อไป นอกจากนี้ Do Kwon ยังได้จงใจเพิ่มดอกเบี้ยจาก 3.6 เปอร์เซ็นต์เป็น 20 เปอร์เซ็นต์ต่อสัปดาห์ก่อนเปิดตัว ตามที่ Terra Anchor Developer ระบุ ทำให้ UST หยุดทำงานและส่งผลให้ LUNA ล่มสลายในที่สุด
ขณะที่ทางบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด หรือบิทคับ ได้ออกประกาศเตือนนักลงทุน ซึ่งอยู่ในขั้นตอนระหว่างการพิจารณาทบทวนคุณสมบัติการให้บริการในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของบิทคับ เอ็กซ์เชนจ์
เนื่องด้วยปัจจัยพื้นฐานของเหรียญ Terra Classic (‘LUNC’ หรือเหรียญ LUNA เดิม) เปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในส่วนของ Supply เหรียญที่เกิดขึ้น และส่งผลให้ราคาลดลงอย่างมาก จึงนำไปสู่การย้ายระบบนิเวศ (Ecosystem) ของเหรียญ LUNC (เดิม) ไปยังระบบนิเวศของเหรียญ Terra2.0 (‘LUNA’ หรือเหรียญ LUNA ใหม่) ซึ่งทำให้ปัจจัยด้านต่างๆ ของเหรียญ LUNC ไม่มีความชัดเจน ได้แก่ ประโยชน์ในการใช้งานเหรียญ (Utility) แผนการพัฒนาเหรียญในระยะยาว แผนการบริหาร Node Validator ของ LUNC รวมไปถึงข่าวความไม่แน่นอนต่างๆ ของผู้ก่อตั้ง Terra และข่าว Terra กำลังเตรียมถูกสอบสวนโดยหน่วยสืบสวนเกาหลีใต้ ทั้งในส่วนของการปรับบัญชีทวิตเตอร์ของผู้ก่อตั้ง Terra (Do Kwon) ซึ่งถูกตั้งค่าเป็น Private Account และหน่วยสืบสวนเกาหลีใต้เตรียมเข้าสอบสวน Terra
ด้วยเหตุที่กล่าวมาข้างต้น บิทคับ เอ็กซ์เชนจ์ขอแจ้งเตือนให้นักลงทุน โปรดซื้อขายเหรียญ Terra Classic (LUNC) ด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณาคุณสมบัติการให้บริการในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ และราคาอาจมีความผันผวนสูง
นอกจากนี้ หากราคาเหรียญ LUNA เดิม (LUNC) ลดลงมาต่ำกว่า 0.0001 บาท ซึ่งเป็นราคาต่ำสุดที่ระบบซื้อขายสามารถรองรับได้ บิทคับ เอ็กซ์เชนจ์ จะระงับการซื้อขายเหรียญชั่วคราว ทั้งนี้ ท่านยังสามารถทำการยกเลิกคำสั่งที่ค้างอยู่ได้ และทำรายการถอนเหรียญ LUNC ได้ตามปกติ (อ้างอิงประกาศชี้แจงเรื่องการตั้งราคาต่ำสุดของเหรียญ LUNC)
ขณะที่เหรียญ LUNA ที่ลิสต์อยู่บนกระดานบิทคับ เอ็กซ์เชนจ์ในขณะนี้ คือ เหรียญ Terra Classic (LUNC) ไม่ใช่เหรียญ Terra2.0 (LUNA) การซื้อขายหรือฝากถอนเหรียญดังกล่าวบนบิทคับ เอ็กซ์เชนจ์หลังกำหนดการการทำ Post-attack Snapshot (วันที่ 27 พฤษภาคม 2565 เวลา 02.59.51 น. (เวลาประเทศไทย)) จะไม่ทำให้ได้รับเหรียญแอร์ดรอปตามแนวทางที่ผู้ออกเหรียญได้กำหนดไว้ (อ้างอิงประกาศชี้แจงเรื่องรองรับการแอร์ดรอป LUNA)