หุ้นไทยปิดตลาดร่วง -12.34 จุด โบรกฯ ชี้ตลาดกลับมากังวลนโยบายการเงินที่เข้มงวดของเฟด โดยเฉพาะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลังทิศทางเงินเฟ้อยังคงพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลง และการเทขายลดความเสี่ยงก่อนหยุดยาวต่อเนื่อง 3 วัน พร้อมประเมินกรอบการลงทุน ให้แนวต้านที่ 1,655-1,660 จุด และแนวรับที่ 1,635-1,640 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 2 มิถุนายน 2565 ปรับตัวลดลง -12.34 จุด หรือ -0.74% โดยปิดตลาดที่ 1,647.67 จุด มูลค่าการซื้อขาย 57,875.88 ล้านบาท โดยภาพรวมการลงทุนในวันนี้ดัชนีปรับตัวลดลงและแกว่งตัวอยู่เคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน ซึ่งสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในภูมิภาค โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,658.05 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,645.89 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 464 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 521 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 1,240 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิกว่า -1,936.25 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -306.31 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +1,363.41 ล้านบาท และบัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า +879.14 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.BANPU มูลค่าการซื้อขาย 2,636.48 ล้านบาท ปิดที่ 12.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท
2.BDMS มูลค่าการซื้อขาย 2,408.02 ล้านบาท ปิดที่ 25.75 บาท ลดลง 0.50 บาท
3.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,031.42 ล้านบาท ปิดที่ 166.50 บาท ลดลง 1.00 บาท
4.THG มูลค่าการซื้อขาย 1,890.83 ล้านบาท ปิดที่ 63.75 บาท ลดลง 9.25 บาท
5.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,313.88 ล้านบาท ปิดที่ 65.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SPRC ปิดที่ 12.50 บาท เพิ่มขี้น 0.30 บาท หรือ 2.46%
2.TTA ปิดที่ 10.20 บาท เพิ่มขี้น 0.20 บาท หรือ 2.00%
3.GLOBAL ปิดที่ 21.30 บาท เพิ่มขี้น 0.40 บาท หรือ 1.91%
4.DTAC ปิดที่ 45.00 บาท เพิ่มขี้น 0.75 บาท หรือ 1.69%
5.BANPU ปิดที่ 12.60 บาท เพิ่มขี้น 0.20 บาท หรือ 1.61%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.COM7 ปิดที่ 36.25 บาท ลดลง 1.25 บาท หรือ 3.33%
2.SYNEX ปิดที่ 21.30 บาท ลดลง 0.60 บาท หรือ 2.74%
3.MAJOR ปิดที่ 20.90 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 2.34%
4.MINT ปิดที่ 34.25 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ 2.14%
5.KEX ปิดที่ 23.20 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 2.11%
ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,265.50 จุด ลดลง -14.44 จุด หรือ -0.63% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 995.90 จุด ลดลง -6.34 จุด หรือ -0.63% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 631.46 จุด ลดลง -4.13 จุด หรือ -0.65%
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลดลงตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ มองเป็นการพักตัวหลังปรับขึ้นมาค่อนข้างมาก โดยตลาดกลับมากังวลการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลังทิศทางอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวได้ และยังมีแรงขายลดความเสี่ยงก่อนเข้าสู่วันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทย
นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยของราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงมาก่อนการประชุมโอเปกพลัส จากความกังวลเกี่ยวกับแผนการเพิ่มกำลังการผลิตของสมาชิกในกลุ่ม หลังจากตัดรัสเซียออกจากส่วนหนึ่งของแผน หลังสหภาพยุโรป (EU) แบนการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งทำให้เป็นแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน และกดดันดัชนีตลาดหุ้นไทย
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้าคาดว่ายังคงแกว่งตัวไซด์เวย์ ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามในคืนวันพรุ่งนี้ (3 มิ.ย.) คือ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ และสัปดาห์หน้าต้องติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ว่าจะมีมุมมองหรือจะส่งสัญญาณต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างไร หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อไทยปรับขึ้นมาในระดับสูง โดยประเมินกรอบการลงทุนแนวรับที่ 1,635-1,640 จุด และแนวต้านที่ 1,655-1,660 จุด