หุ้นไทยปิดตลาดปรับตัวลดลงเล็กน้อย -3.40 จุด โบรก ฯ ชี้ เกิดจากแรงเทขายในหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังมีการประกาศปรับขึ้นราคาแก๊สหุงต้มและน้ำมันเชื้อเพลิง และทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก แนะจับตาการเริ่มต้นปรับลดงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่าจะมีผลกระทบต่อตลาดเงินและตลาดทุนอย่างไร โดยประเมินกรอบการลงทุนแนวต้านที่ 1,663-1,680 จุด และแนวรับที่ 1,650 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 1 มิ.ย. 2565 ปรับตัวลดลง -3.40 จุด หรือ -0.20% โดยปิดตลาดที่ 1,660.01 จุด มูลค่าการซื้อขาย 70,482.53 ล้านบาท โดยภาพรวมการซื้อขายหุ้นในวันนี้ ดัชนี ฯ ปรับตัวเคลื่อนไหวตามภูมิภาค โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,664.90 จุด ขณะเดียวกันก็ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,655.80 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 573 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 587 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 1,104 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +1,052.98 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า +587.22 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -1,465.07 ล้านบาท และ บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -175.14 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.DIF มูลค่าการซื้อขาย 3,223.27 ล้านบาท ปิดที่ 13.70 บาท ลดลง 0.30 บาท
2.BDMS มูลค่าการซื้อขาย 2,286.20 ล้านบาท ปิดที่ 26.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
3.TRUE มูลค่าการซื้อขาย 2,227.80 ล้านบาท ปิดที่ 4.56 บาท เพิ่มขึ้น 0.16 บาท
4.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,198.70 ล้านบาท ปิดที่ 167.50 บาท ลดลง 2.00 บาท
5.PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,003.70 ล้านบาท ปิดที่ 38.25 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.ADVANC ปิดที่ 220.00 บาท เพิ่มขี้น 3.00 บาทหรือ 1.38%
2.AEONTS ปิดที่ 193.00 บาท เพิ่มขี้น 2.00บาทหรือ 1.05%
3.BLA ปิดที่ 40.50 บาท เพิ่มขี้น 1.50 บาทหรือ 3.85%
4.DTAC ปิดที่ 44.25 บาท เพิ่มขี้น 1.25 บาทหรือ 2.91%
5.GPSC ปิดที่ 68.00 บาท เพิ่มขี้น 1.25บาทหรือ 1.87%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.PTTEP ปิดที่ 167.50 บาท ลดลง 2.00 บาทหรือ 1.18%
2.SCB ปิดที่ 111.50 บาท ลดลง 1.50 บาทหรือ 1.33%
3.JMART ปิดที่ 59.50 บาท ลดลง 1.25 บาทหรือ 2.06%
4.SINGER ปิดที่ 51.75 บาท ลดลง 1.00 บาทหรือ 1.90%
5.SCC ปิดที่ 371.00 บาท ลดลง 1.00 บาทหรือ 0.27%
ส่วนดัชนี SET100 ปิดที่ 2,279.94 จุด ลดลง -0.51 จุด หรือ -0.02% ด้านดัชนี SET50 ปิดที่ 1,002.24 จุด ไม่เปลี่ยนแปลง และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 635.59 จุด ลดลง -5.55 จุด หรือ -0.87%
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชีย หลังจากขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1,663 จุดแล้วยืนไม่อยู่ ประกอบกับในระยะสั้นไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามา ทำให้เมื่อขึ้นไปแล้วตลาดฯ จึงย่อตัวลง รวมถึงได้รับแรงกดดันจากกลุ่มพลังงานปรับตัวลงตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกด้วย
อย่างไรก็ตาม แรงซื้อหุ้นกลุ่มปลอดภัย อย่าง โรงไฟฟ้า โรงพยาบาล และสื่อสาร ช่วยประคองตลาดเอาไว้ได้ระดับหนึ่ง รวมถึงหุ้นกลุ่มเครื่องดื่มน้ำผลไม้ปรับขึ้นมาถ้วนหน้า จากการเก็งกำไรการปรับขึ้นราคาขายสินค้ากลุ่มอาหาร รวมทั้งอัตราค่าระวางเรือและตู้คอนเทนเนอร์ปรับตัวลง อีกทั้งมีพื้นที่ขนส่งว่างมากขึ้นสำหรับการส่งออกสินค้า เมื่อเทียบกับปีก่อนที่เผชิญกับปัญหาค่าระวางเรือแพงและตู้คอนเทนเนอร์ไม่เพียงพอ
แนวโน้มวันพรุ่งนี้ คาดว่าตลาดฯ น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,650-1,680 จุด โดยนักลงทุนติดตามการเริ่มต้นปรับลดงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่าจะมีผลกระทบต่อตลาดเงินและตลาดทุนมากน้อยแค่ไหน โดยประเมินแนวรับที่ 1,650 จุด และแนวต้านที่ 1,663-1,680 จุด