xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าเงินบาทเปิดที่ระดับ 34.37 แนวโน้มผันผวนอ่อนค่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS
ธนาคารกรุงไทย 
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 34.37 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.34 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.30-34.50 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงจากความกังวลแนวโน้มเฟดอาจเร่งขึ้นดอกเบี้ย จนกว่าเฟดจะสามารถคุมเงินเฟ้อได้ นอกจากนี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุด โดยรวมยังออกมาแข็งแกร่งและยิ่งสนับสนุนโอกาสเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย เช่น นดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรม (ISM Manufacturing PMI) เดือนพฤษภาคม ที่ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.1 จุด สวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะชะลอตัวลง ส่วนยอดการเปิดรับสมัครงาน (JOLTS Job Openings) ยังคงอยู่ในระดับสูงถึง 11.4 ล้านตำแหน่ง สะท้อนถึงภาวะตลาดแรงงานที่ยังมีความตึงตัวและอาจหนุนให้ค่าจ้างในฝั่งสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นตามความต้องการดึงดูดแรงงานของบรรดานายจ้าง ซึ่งจะทำให้เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องได้

ดังนั้น ความกังวลโอกาสเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงยังคงกดดันให้ดัชนี S&P500 ย่อตัวลง -0.75% นำโดยการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มเทคฯ ที่มักจะอ่อนไหวตามแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด เช่น Facebook -2.5% Tesla -2.4% เช่นเดียวกันกับฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวลดลง -1.04% จากความกังวลแนวโน้มนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นของทั้งเฟดและธนาคารกลางยุโรป (ECB) ขณะเดียวกัน รายงานข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุด อย่างยอดค้าปลีก (Retail Sales) ของเยอรมนี ในเดือนเมษายนที่หดตัวกว่า -5.4% จากเดือนก่อนหน้า แย่กว่าที่ตลาดคาดไว้มากยิ่งทำให้ตลาดยังคงกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจ ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อสูงและนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่าเงินบาทยังมีแนวโน้มผันผวนและมีโอกาสอ่อนค่าลงในช่วงระหว่างวัน จากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ที่ได้แรงหนุนจากความกังวลเฟดอาจเร่งขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงเพื่อควบคุมปัญหาเงินเฟ้อ นอกจากนี้ เราเห็นสัญญาณการทยอยปิดสถานะเก็งกำไรการแข็งค่าของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมาของผู้เล่นในตลาด (ล่าสุดนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิบอนด์ระยะสั้นกว่า 3.8 พันล้านบาทในวันก่อนหน้า) ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าว รวมถึงแรงขายทำกำไรหุ้นจากนักลงทุนต่างชาติก็มีโอกาสที่ทำให้เงินบาทสามารถอ่อนค่าทดสอบแนวต้านแถว 34.40-34.50 บาทต่อดอลลาร์ได้

อย่างไรก็ดี เราคงมองว่าเงินบาทอาจไม่ได้อ่อนค่าทะลุแนวต้านไปมาก เนื่องจากระดับดังกล่าวเป็นโซนที่ผู้ส่งออกต่างรอทยอยขายเงินดอลลาร์ อีกทั้งสถานการณ์การระบาดของโอมิครอนในฝั่งจีนไม่ได้น่ากังวลและทางการจีนได้ทยอยผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ทำให้สินทรัพย์ในฝั่ง EM Asia อาจไม่ได้เผชิญแรงเทขายที่รุนแรง

ทั้งนี้ เรามองว่ากรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในช่วงนี้อาจอยู่ในโซน 34.00-34.50 จนกว่าจะมีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาปรับเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนไหวของเงินบาท อนึ่ง ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง เราคงแนะนำว่าผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย เช่น ใช้ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ แม้ว่าตลาดจะอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง แต่มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงกังวลแนวโน้มเฟดอาจเร่งขึ้นดอกเบี้ยและความกังวลผลกระทบจากการทยอยลดงบดุลของเฟดราว 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์ ยังคงหนุนให้บอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องแตะระดับ 2.92% อย่างไรก็ดี เรามองว่าบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มแกว่งตัว sideways จนกว่าตลาดจะรับรู้ความชัดเจนของการขึ้นดอกเบี้ยเฟดผ่าน Dot Plot ใหม่จากการประชุมเดือนมิถุนายน

ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 102.5 จุด หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังจากที่ตลาดมองว่าเฟดยังมีโอกาสเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อ นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินหลัก เช่น เงินยูโร (EUR) ที่อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.064 ดอลลาร์ต่อยูโร หลังตลาดผิดหวังกับรายงานข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุด ส่วนเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) อ่อนค่าต่อเนื่องแตะระดับ 130 เยนต่อดอลลาร์ อีกครั้ง ตามส่วนต่างระหว่างบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และญี่ปุ่นที่กว้างมากขึ้น และหนุนการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้ราคาทองคำทรงตัวที่ระดับ 1,849 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สำหรับวันนี้ตลาดจะรอจับตาแนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดการจ้างงานภาคเอกชน โดย ADP ซึ่งอาจเป็นข้อมูลที่สะท้อนถึงยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ที่จะประกาศในวันศุกร์นี้ได้ โดยตลาดประเมินว่า ยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP จะเพิ่มขึ้นราว 3 แสนราย สะท้อนถึงความต้องการแรงงานที่ยังอยู่ในระดับสูงและชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งอยู่ ซึ่งภาพตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ยังแข็งแกร่งจะเป็นอีกปัจจัยที่หนุนให้เฟดสามารถเดินหน้าเร่งขึ้นดอกเบี้ยได้ต่อเนื่อง จนกว่าเฟดจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้
กำลังโหลดความคิดเห็น