หลังจากถูกเทขาย จนทรุดติดฟลอร์สนิทมา 2 วัน หุ้นบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ SMK เริ่มฟื้นขึ้นมาใหม่ แม้บริษัทกำลังเผชิญวิกฤต จนไม่รู้ว่า จะรอดหรือไม่ก็ตาม
หุ้น SMK ถูกขึ้นเครื่องหมาย SP พักการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา เนื่องจากไม่ส่งงบการเงินตามที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด โดยราคาปิดครั้งสุดท้ายอยู่ที่ 11.90 บาท
เมื่อส่งงบการเงินไตรมาสแรกปีนี้แล้ว ตลาดหลักทรัพย์อนุมัติให้เปิดการซื้อขายใหม่วันที่ 25 พฤษภาคม โดยราคารูดลงต่ำสุดติดพื้น 30% ปิดที่ 8.35 บาท มูลค่าซื้อขาย 4.22 ล้านบาท และวันที่ 26 พฤษภาคม ราคาทรุดติดพื้นต่อ โดยปิดที่ 5.85 บาท มูลค่าซื้อขายเพียง 1.48 ล้านบาท
แต่การซื้อขายวันที่ 27 พฤษภาคม หุ้น SMK กลับดีดตัวขึ้นอย่างคึกคัก โดยเปิดที่ 6.25 บาท และถูกลากขึ้นไปสูงสุดที่ 7.60 บาท หรือพุ่งชนเพดานสูงสุด 30% ก่อนจะลงมาปิดที่ 6.45 บาท เพิ่มขึ้น 60 สตางค์ มูลค่าซื้อขาย 47.50 ล้านบาท
ศาลล้มละลายกลางได้รับคำร้องการยื่นขอฟื้นฟูกิจการของ SMK เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม หลังจากไตรมาสแรกบริษัทมีผลขาดทุนจำนวน 29,421 ล้านบาท ขณะที่ระยะเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 176.23 ล้านบาท เนื่องจากขาดทุนจากการรับประกันโควิด “เจอจ่ายจบ” จำนวน 29,479 ล้านบาท ขณะที่ระยะเดียวกันปีก่อนขาดทุนจากการรับประกันโควิด 19.08 ล้านบาท
ค่าสินไหมทดแทนประกันโควิดจำนวนมหาศาล ทำให้ SMK เกิดปัญหาฐานะการเงิน ไม่สามารถจ่ายค่าสินไหมทดแทนผู้ทำประกันโควิดได้ จนเกิดการเรียกร้องให้บริษัทจ่ายเงินตามสัญญากรมธรรม์
SMK ได้วางแนวทางแก้ปัญหาการจ่ายสินไหมทดแทนไว้ 3 แนวทางคือ การเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้น การแปลงหนี้เป็นทุนหรือแปลงหนี้เป็นหุ้น และการทยอยจ่าย ภายใต้เงื่อนไข ศาลล้มละลายกลางอนุมัติแผนฟื้นฟู โดยอาจใช้ทั้ง 3 แนวทางผสมประสานกัน
แต่ SMK จะต้องใช้เวลากี่ปีในการสะสางค่าสินไหมทดแทน จะต้องใช้เวลาอีกกี่ปีในการฟื้นฟูผลดำเนินงาน ก่อนกลับสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีผลกำไร และจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้
ฐานะของ SMK ขณะนี้ถือว่าล้มละลาย มีหนี้สินล้นพ้น และต้นปีหน้า เมื่อประกาศงบการเงินปี 2564 จะถูกตลาดหลักทรัพย์ประกาศเป็นหุ้นที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน ต้องพักการซื้อขายยาว เพราะส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำกว่าสูญ จากการขาดทุนในไตรมาสแรกเพียงไตรมาสเดียว
และไม่รู้ว่า ไตรมาสที่ 2 จะเจอค่าสินไทมทดแทนประกันโควิดอีกเท่าไหร่
ก่อนเกิดวิกฤตโควิด SMK มีผลประกอบการที่ดี โดยปี 2561 มีกำไรสุทธิ 746.77 ล้านบาท ปี 2562 กำไรสุทธิ 677.45 ล้านบาท ปี 2563 กำไรสุทธิ 757.36 ล้านบาท และปี 2564 ขาดทุนสุทธิ 4,753.81 ล้านบาท เนื่องจากผลกระทบจากประกันโควิด
ถ้าไม่ถูกผลกระทบโควิด SMK มีกำไรสุทธิเฉลี่ยปีละ 700 ล้านบาท ซึ่งหากต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนประกันโควิด คงต้องใช้เวลานานนับสิบปีจึงจะสางหนี้เก่าได้หมด
และ 3 แนวทางการจ่ายค่าสินไหมทดแทนที่ไว้วางก็ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยการเพิ่มทุน ผู้ถือหุ้นรายย่อยคงไม่เติมเงินใส่ลงไป ส่วนการแปลงหนี้เป็นทุน จะทำให้ปริมาณหุ้นเพิ่มขึ้นมหาศาล และบริษัทคงไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้อีกนานนับสิบปี เช่นเดียวกับการทยอยจ่ายค่าสินไหมทดแทน
ผู้ทำประกันโควิดคงรออีกยาวนาน กว่า ”เจอ จ่าย จบ” จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนได้ครบ
นอกจากนั้น การติดค้างค่าสินไหมทดแทน และฐานะบริษัทที่ย่ำแย่ อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้ทำประกันภัยรายใหม่ ที่กังวลในการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ซึ่งอาจเลี่ยงทำประกัน ทำให้ผลประกอบการ SMK ชะลอตัวลง
ไม่รู้ว่า ใครเข้าไปไล่ซื้อหุ้น SMK จนราคาพุ่งขึ้นสวนวิกฤต เพราะอนาคตของบริษัทยังมืดมน
ใครซื้อหุ้นต้องถือยาวจริง หรือถือยาวจนลืม เพราะอีกนานกว่า SMK จะฟื้นคืนสู่สภาพปกติ