นักวิเคราะห์ของ Morgan Stanley เผยมุมมองว่า แนวโน้มที่ NFT ซึ่งเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลจะเป็นเหยื่อรายต่อไป หลังการล่มสลายของ UST ซึ่งเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใช้เป็นเครื่องมือเก็งกำไรยอดนิยม
จากการเปิดเผยของ coindesk ระบุถึงถ้อยแถลงของ Morgan Stanley (MS) ซึ่งให้มุมมองต่อ Bitcoin (BTC) ว่าได้มีการปรับร่วงลงไปแล้วกว่า 40% ตั้งแต่เดือนเมษายน และถือว่านี่ไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์กับตลาดตราสารทุนอีกต่อไป
Sheena Shah นักวิเคราะห์ระบุว่า “พื้นที่ที่ถูกกดดันและยกระดับของคริปโตฯ เช่น การกระจายอำนาจทางการเงิน (DeFi) และเหรียญเสถียรที่ได้รับการสนับสนุนจากคริปโตฯ กำลังเผชิญกับการชำระบัญชีจำนวนมาก เนื่องจากเป็นที่ชัดเจนว่าราคาที่สูงขึ้นทั้งหมดมีการแลกเปลี่ยนในการเก็งกำไร โดยมีความต้องการของผู้ใช้จริงที่จำกัด”
ขณะเดียวกัน โทเคนที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หรือ (NFTs) และที่ดินดิจิทัลได้รับการเก็งกำไรและการไหลเข้าอย่างมาก รายงานกล่าวเสริมว่า เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ซื้อสินทรัพย์เหล่านี้ขึ้นอยู่กับความคาดหวังว่าผู้ซื้อรายอื่นต้องการซื้อในราคาที่สูงขึ้นใน ดอลลาร์ โดยที่ NFTs คือสินทรัพย์ดิจิทัลบนบล็อกเชนที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของรายการเสมือนหรือสิ่งของจริง และสามารถขายหรือแลกเปลี่ยนได้
อย่างไรก็ดี ธนาคารตั้งข้อสังเกตว่าในขณะที่ตลาด crypto มีการซื้อขายไม่ดีตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ซึ่งหลังจากนั้นไม่กี่เดือนได้เกิดเหตุวิกฤตที่นำไปสู่การล่มสลายสลายของ terraUSD (UST) ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของ Stablecoin ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี การที่ Stablecoins ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Crypto ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของการยกระดับที่สร้างขึ้นภายในระบบนิเวศ DeFi โดยเสริมว่า "เหตุการณ์นี้นำไปสู่ความไม่แน่นอนและความไม่เสถียรที่เพิ่มขึ้น"
ขณะเดียวกัน พื้นที่ที่มีการเก็งกำไรและใช้ประโยชน์มากที่สุดของตลาดคริปโตฯ ขณะนี้อยูที่การโฟกัสอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นทั่วโลกและธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยที่การเพิ่มขึ้นอย่างมากของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของ Stablecoin ซึ่งเพิ่มขึ้น 30 เท่าตั้งแต่ต้นปี 2020 มีอิทธิพลต่อการกำหนดราคา crypto เช่นกัน เนื่องจาก Stablecoin มีหน้าที่ในการให้สภาพคล่องและเลเวอเรจมาก
อย่างไรก็ดี Morgan Stanley กล่าวว่า ลูกค้ากำลังถามว่าราคา crypto ที่ลดลงอย่างมากและการลดค่า Stablecoin ทำให้เกิด “ความเสี่ยงที่เป็นระบบมากขึ้นสำหรับตลาดการเงินในวงกว้าง”
