'เจ้าพระยามหานคร' ปรับตัวรับวิกฤต ชี้โมเดลธุรกิจใหม่หนุนรายได้ไตรมาสแรกปี 65 มั่นใจธุรกิจ 'เฮลท์แคร์' ยังแรงไม่ตก ส่งผลสัดส่วนรายได้เติบโตก้าวกระโดด พร้อมเดินเครื่องลุยเต็มสูบตลาดไตรมาส 2 เปิดโครงการแนวสูง-แนวราบ มูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท นำร่องเปิดทาวน์โฮมโครงการแรก
นายแพทย์วิเชียร แพทยานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ CMC กล่าวถึงผลสำเร็จจากการที่บริษัทฯ ได้แตกไลน์และปรับโครงสร้างรายได้สม่ำเสมอ สามารถสร้างการเติบโตของกลุ่มธุรกิจใหม่ ส่งผลให้ไตรมาส 1 ของปี 65 เพิ่มขึ้น 142% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะธุรกิจเฮลท์แคร์ นำเข้า-จำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ สร้างรายได้อยู่ที่ 15 ล้านบาท คิดเป็น 6% ของรายได้รวม และธุรกิจกลุ่มบริการ ได้แก่ ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจด้านงานเช่าและบริการอุปกรณ์รับเหมาก่อสร้าง และธุรกิจรับบริการทำความสะอาด รายได้อยู่ที่ 36 ล้านบาท คิดเป็น 14% ของรายได้รวม และธุรกิจก่อสร้าง 44 ล้านบาท คิดเป็น 17% ของรายได้รวม
ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทรงตัวจากผลกระทบโควิด-19 มีรายได้ที่ 166 ล้านบาท คิดเป็น 63% ของรายได้รวม โดยรายได้รวมทั้งหมดอยู่ที่ 261 ล้านบาท ซึ่งแผนปรับโครงสร้างธุรกิจเริ่มเห็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดจากสัดส่วนรายได้ของธุรกิจใหม่ที่เติบโตขึ้น ซึ่งเป็นไปตามแผน สามารถปรับสัดส่วนการรับรู้รายได้ของธุรกิจหลักอสังหาริมทรัพย์ในปี 65 เป็นลดลง 60% จากเดิม 80% และปรับจากกลุ่มธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น 40% จากเดิม 20% ได้สำเร็จ และจะเห็นภาพการเติบโตของกลุ่มบริษัทฯ แบบครบวงจรมากขึ้นในปี 66-67
ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ไตรมาส 2 กางแผนรุกหนักเต็มสูบ ลุยสปีดก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียม คาดรับรู้รายได้จาก Inventory ปลายปีนี้กว่า 1,400 ล้านบาท และลุยทยอยเปิดโครงการแนวราบ 4 มุมเมือง และโครงการแนวสูง รวมมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท บนทำเลศักยภาพแห่งอนาคต เช่น สุขสวัสดิ์ รังสิต พระราม 2 ปากน้ำ-สมุทรปราการ นวมินทร์ และปิ่นเกล้า พร้อมปรับแผนการตลาดเชิงรุกงัดโปรโมชันกระตุ้นยอดขายกับลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ คาดว่าครึ่งปีหลังอสังหาฯ จะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น จากปัจจัยบวกของสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มจะคลี่คลาย และผู้บริโภคมีแนวทางการใช้ชีวิตกับโควิด-19 อย่างปลอดภัยมากขึ้น ประกอบกับภาครัฐเร่งแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย จากการยกเลิกระบบ Test & Go รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำให้แนวโน้มผู้บริโภคกลับมาเชื่อมั่นและกล้าลงทุนมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังจากนี้
"มั่นใจสดใสครึ่งปีหลัง CMC จ่อเปิดโครงการแรกปี 65 กับโครงการแนวราบ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้ให้เร็วขึ้น โดยเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น แบบหน้ากว้าง มูลค่าโครงการกว่า 500 ล้านบาท บนทำเลทิศเหนือ บ้านกล้วย-ไทรน้อย ใกล้ถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก และสามแยกบางใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีม่วง คลองบางไผ่ และใกล้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวสต์เกตและโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ในราคา 2 ล้านบาทต้นๆ บนที่ดิน 20 ตารางวา มีพื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มขึ้น สามารถทำกิจกรรมได้หลากหลาย เจาะความต้องการของไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ Gen Y และกลุ่ม Millennials ที่กำลังต้องการสร้างครอบครัว ทั้งกลุ่มคนทำงานประจำและอาชีพอิสระ พร้อมกับการนำฟังก์ชันและนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ที่สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปจากสถานการณ์โควิด-19 และยกระดับการอยู่อาศัยให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น มาช่วยกระตุ้นการตัดสินใจให้ผู้บริโภคเสริมปัจจัยหลักการตัดสินใจในเรื่องทำเล-ราคา ส่วนโครงการแนวสูง เตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียมบนทำเลสุขสวัสดิ์ นวมินทร์ ปิ่นเกล้า และปากน้ำ-สมุทรปราการ มูลค่ารวมกว่า 5,400 ล้านบาท รอบ Pre-Sales ในเร็วๆ นี้"
ถึงแม้ธุรกิจใหม่จะเข้ามาสนับสนุนรายได้ให้บริษัทแข็งแกร่งและมั่นคงมากขึ้น แต่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นหัวใจหลักของกลุ่มบริษัทจากแผนการพัฒนาโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยธุรกิจใหม่มีการวางแผนธุรกิจให้สอดคล้องและต่อยอดจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจสุขภาพและการแพทย์จะเห็นภาพการดำเนินงานที่สอดคล้องกันชัดเจน ในการยกระดับการพัฒนาที่อยู่อาศัยแบบบูรณาการ ด้วยการนำนวัตกรรมด้านสุขภาพ-การแพทย์ เพื่อมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้ลูกบ้านเหนืออสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ตามวิสัยทัศน์ที่ตั้งมั่นสู่การเป็น “Excellent LIVING Development Provider” - CMC เชื่อมั่นในแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจหลักใหม่ครอบคลุมต่อยอดเกี่ยวเนื่องกัน ยิ่งช่วยสนับสนุนให้ผลประกอบการของกลุ่มบริษัท CMC มั่นคงและเติบโตอย่างต่อเนื่อง