xs
xsm
sm
md
lg

CCP มอง Q2 โควิดคลี่คลาย ดันดีมานด์คอนกรีตฟื้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี มองทิศทางไตรมาส 2/65 สัญญาณฟื้นตัวดี ปัจจัยบวกสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศคลี่คลาย กระตุ้นการลงทุนเอกชน นิคมอุตสาหกรรมเร่งก่อสร้าง งานโครงการภาครัฐหนุน มุ่งเน้นกลยุทธ์บริหารจัดการต้นทุน เพิ่มความสามารถทำกำไร เร่งพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ ลุยประมูลงานเพิ่ม เติม Backlog ไม่ต่ำกว่า 1,600 ล้านบาท

นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานไตรมาส 2/65 คาดสัญญาณฟื้นตัวดี ปัจจัยบวกสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายในประเทศคลี่คลายลง ทั้งจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เสียชีวิตที่ลดลง สร้างบรรยากาศเชิงบวกให้ผู้ประกอบธุรกิจกลับมาลงทุนโครงการต่างๆ ของภาคเอกชน นิคมอุตสาหกรรมเร่งก่อสร้าง ประกอบกับปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจงานโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐในหลายโครงการ เช่น งานก่อสร้างถนนของกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท โครงการพิเศษทางหลวงระหว่างเมือง ส่งผลให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์คอนกรีตมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม บริษัทให้ความสำคัญและระมัดระวังต่อปัจจัยเสี่ยงจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาเชื้อเพลิงและต้นทุนวัตถุดิบ มุ่งเน้นกลยุทธ์บริหารจัดการต้นทุน โดยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารงานภายในองค์กร ระบบการขายและกระบวนการผลิต ช่วยลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย เพิ่มความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น ปัจจุบัน บริษัทได้ติดตั้ง Solar roof บริเวณโรงงานผลิต และอยู่ระหว่างศึกษาข้อมูลด้านพลังงาน เชื้อเพลิงทางเลือกเพิ่มเติม เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงด้านพลังงาน

นอกจากนี้ บริษัทเร่งพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ที่ช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน แก้ปัญหาการก่อสร้าง ลดต้นทุน สำหรับงานโครงสร้างพื้นฐานและเอกชนได้อย่างหลากหลาย รองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น พร้อมเดินหน้าประมูลงานเข้ามาเพิ่มอีกในอนาคต เพื่อรักษาระดับมูลค่างานในมือ (Backlog) ไว้ไม่ต่ำกว่า 1,600 ล้านบาท

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/65 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 613.34 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 675.08 ล้านบาท หรือลดลง 9.14% และมีกำไรสุทธิ 9.72 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 24.49 ล้านบาท หรือลดลง 60.31%

ทั้งนี้ รายได้รวมและกำไรสุทธิปรับตัวลดลงเนื่องจากต้นทุนเชื้อเพลิงและวัตถุดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ประกอบกับเกิดการผันผวนด้านราคา ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องพิจารณาเลื่อนการลงทุนบางโครงการออกไป


กำลังโหลดความคิดเห็น