หุ้นไทยปิดตลาดร่วง -13.72 จุด โบรกฯ ชี้นักลงทุนกังวลเฟดกลับมาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรอบเดือน มิ.ย. อาจมากกว่า 0.50% หลังเงินเฟ้อยังพุ่งตามราคาน้ำมัน แนะนักลงทุนสัปดาห์หน้าเน้นความระมัดระวัง จับตาหุ้นรายตัวและทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ ตลอดจนแผนลดงบดุล โดยประเมินกรอบแนวต้านที่ 1,650 จุด และแนวรับที่ 1,600-1,620 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 6 พ.ค.2565 ปรับตัวลดลง -13.72 จุด หรือ -0.83% โดยปิดตลาดที่ 1,629.58 จุด มูลค่าการซื้อขาย 72,642.09 ล้านบาท โดยในระหว่างวันหุ้นไทยเคลื่อนไหวแกว่งตัวผันผวนอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,634.65 จุด ขณะเดียวกันปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,617.94 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 372 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 335 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 1,524 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +2,385.89 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิกว่า -528.09 ล้านบาท บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -1,371.87 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -485.94 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,117.03 ล้านบาท ปิดที่ 113.50 บาท ลดลง 2.00 บาท
2.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,075.77 ล้านบาท ปิดที่ 147.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
3.BANPU มูลค่าการซื้อขาย 2,043.51 ล้านบาท ปิดที่ 12.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท
4.EA มูลค่าการซื้อขาย 1,965.14 ล้านบาท ปิดที่ 85.25 บาท ลดลง 1.75 บาท
5.AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,776.39 ล้านบาท ปิดที่ 66.50 บาท ลดลง 0.75 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BLA ปิดที่ 43.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 2.99%
2.RCL ปิดที่ 43.00อบาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 1.78%
3.TOP ปิดที่ 58.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 0.87%
4.INTUCH ปิดที่ 70.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 0.71%
5.MEGA ปิดที่ 47.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.53%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.CBG ปิดที่ 103.50 บาท ลดลง 3.00 บาท หรือ 2.82%
2.GPSC ปิดที่ 63.00 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ 3.82%
3.EGCO ปิดที่ 164.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 1.20%
4.EA ปิดที่ 85.25 บาท ลดลง 1.75 บาท หรือ 2.01%
5.CPALL ปิดที่ 65.00 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 2.26%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,204.52 จุด ลดลง -23.69 จุด หรือ -1.06% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 966.79 จุด ลดลง -10.19 จุด หรือ -1.04% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 627.78 จุด ลดลง -5.16 จุด หรือ -0.82%
บล.ไอร่า มองว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า นักลงทุนยังต้องติดตามการรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ต่อเนื่อง พร้อมกับแนะนำให้ระมัดระวังแรงขายทำกำไรหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม หลังจากราคาปรับตัวขึ้น โดยสะท้อนการผ่อนคลายนโยบายเข้าประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวไปในระดับหนึ่งแล้ว โดยหุ้นในกลุ่มส่งออกอาหารยังมีความน่าสนใจ จากราคาอาหารโลกที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากผลกระทบของความยืดเยื้อสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ทิศทางราคาปุ๋ยและอาหารสัตว์ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง
ขณะที่ น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับลงทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาค โดยนักลงทุนกลับมากังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.50% ในการประชุมเดือน มิ.ย.หลังจากทิศทางเงินเฟ้อที่ยังคงมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามราคาน้ำมัน ขณะเดียวกันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมา
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า คาดว่า นักลงทุนจะเพิ่มความระมัดระวัง และเน้นการลงทุนหุ้นรายตัวตามผลประกอบการที่ทยอยออกมา พร้อมกับติดตามความคืบหน้าของทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ และแผนการลดงบดุล รวมถึงเงินทุนต่างชาติ อย่างไรก็ตามค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเข้ามาช่วยหนุนกลุ่มส่งออก และการท่องเที่ยวที่ภาครัฐมีความพยายามเปิดประเทศมากขึ้น เชื่อว่าจะช่วยพยุงดัชนีไว้ได้ระดับหนึ่ง โดยประเมินแนวรับที่ 1,600-1,620 จุด และแนวต้าน 1,650 จุด