หุ้นไทยปิดตลาด +4.73 จุด โบรกฯ ชี้ตลาดได้รับแรงหนุนจากการเก็งกำไรหุ้นกลุ่ม ธนาคาร-ท่องเที่ยว แนะจับตา ศบค. ชุดใหญ่คลายล็อกมาตรการคุมโควิดในระดับต่างๆ รวมถึงการเข้าออกประเทศในช่องทางต่างๆ พร้อมประเมินแนวรับที่ 1,670-1,680 จุดและแนวต้านที่ 1,690-1,700 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 20 เมษายน 2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +4.73 จุด หรือ +0.28% โดยปิดตลาดที่ 1,680.35 จุด มูลค่าการซื้อขายราว 69,123.90 ล้านบาท โดยภาพรวมการลงทุนวันนี้ หุ้นไทยแกว่งตัวในแนวบวกตลอดทั้งวัน ซึ่งระหว่างวันปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 1,685.90 จุด และขณะเดียวกันปรับตัวลดลงไปต่ำสุดที่ 1,675.58 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 652 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 606 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 921 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -2,286.75 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิกว่า 1,035.82 ล้านบาท บัญชี บล.ซื้อสุทธิกว่า 11.75 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า 1,239.18 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,865.30 ล้านบาท ปิดที่ 157.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท
2.BANPU มูลค่าการซื้อขาย 2,107.36 ล้านบาท ปิดที่ 11.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท
3.BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,049.53 ล้านบาท ปิดที่ 137.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
4.ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,580.87 ล้านบาท ปิดที่ 216.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
5.EA มูลค่าการซื้อขาย 1,537.14 ล้านบาท ปิดที่ 88.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SCBB ปิดที่ 81.50 บาท เพิ่มขึ้น +8.00 บาท หรือ +10.88%
2.BLA ปิดที่ 44.50 บาท เพิ่มขึ้น +2.00 บาท หรือ +4.71%
3.KBANK ปิดที่ 157.50 บาท เพิ่มขึ้น +5.00 บาท หรือ +3.28%
4.EPG ปิดที่ 9.55 บาท เพิ่มขึ้น +0.30 บาท หรือ +3.24%
5.KEX ปิดที่ 22.50 บาท เพิ่มขึ้น +0.70 บาท หรือ +3.21%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.JMART (ขึ้นเครื่องหมาย XD) ปิดที่ 59.25 บาท ลดลง -2.50 บาท หรือ -4.05%
3.SINGER ปิดที่ 54.00 บาท ลดลง -1.75 บาท หรือ -3.14%
4.BEC ปิดที่ 15.70 บาท ลดลง -0.50 บาท หรือ -3.09%
5.PTTEP ปิดที่ 148.50บาท ลดลง -3.50 บาท หรือ -2.30%
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ในทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้น รับปัจจัยหนุนจากผลประกอบการกลุ่มแบงก์ที่ออกมาได้ดีกว่าที่คาด และใกล้เคียงที่คาด โดยสินเชื่อมีการเติบโต ตั้งสำรองลดลง และ NPL มีทิศทางที่ปรับตัวลดลง
นอกจากนี้ ในวันศุกร์ที่ 22 เม.ย. จะมีการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ชุดใหญ่ อาจมีการพิจารณาปรับรูปแบบและมาตการป้องกันในระดับต่างๆ รวมถึงผ่อนคลายมาตรการการเข้าออกประเทศ ทั้งทางอากาศ ทางบก และทางน้ำ รวมไปถึงค่าเงินบาทที่ยังคงอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง จึงมีแรงเก็งกำไรเข้ามาในกลุ่มแบงก์ และท่องเที่ยว
แต่อย่างไรก็ตาม ได้รับแรงกดดันเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากความไม่แน่นอนระหว่างยูเครน และรัสเซีย ที่กระทบให้ราคาน้ำมันมีความผันผวนค่อนข้างมาก และมีการติดตามความเห็นของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ต่อทิศทางนโยบายทางการเงินที่อาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรง ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันพรุ่งนี้ คาดว่าตลาดน่าจะแกว่งออกข้าง หากยืนเหนือแนวรับระดับ 1,670-1,680 จุด มีโอกาสที่จะขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,690-1,700 จุด