xs
xsm
sm
md
lg

แรงเครียดเงินเฟ้อสูง กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย สอยหุ้นไทยร่วง -6.28 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หุ้นไทยปิดตลาด -6.28 จุด โบรกฯ ชี้แรงกดดันเงินเฟ้อเร่งตัวสูง หนุนเฟดเร่งอัตราดอกเบี้ยเร็ว-ลดงบดุลเร็วขึ้น ดันพันธบัตรรัฐบาลพุ่ง แม้มีแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มน้ำมันและถ่านหินเข้าประคอง แต่ไม่ช่วยมากนัก แนะนักลงทุนติดตามประกาศผลประกอบการหุ้นกลุ่มสถาบันไตรมาส 1/65 มองกรอบการลงทุนพรุ่งนี้ ประเมินแนวต้านที่ 1,680-1,685 จุด ส่วนแนวรับที่ 1,660-1,665 จุด

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 18 เมษายน 2565 ปรับตัวลดลง 6.28 จุด หรือ -0.38% โดยปิดตลาดที่ 1,668.06 จุด มูลค่าการซื้อขาย 64,433.01 ล้านบาท โดยในระหว่างวันดัชนี SET INDEX ปรับตัวเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยในระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,675.95 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,665.25 จุด

ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 597 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 465 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 1,089 หลักทรัพย์

ด้านปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า 1,373.02 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า บัญชี บล.ขายสุทธิกว่า -689.45 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -518.95 ล้านบาท และนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิกว่า -164.62 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.EA มูลค่าการซื้อขาย 2,733.31 ล้านบาท ปิดที่ 88.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
2.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,592.12 ล้านบาท ปิดที่ 150.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.50 บาท
3.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,331.79 ล้านบาท ปิดที่ 152.00 บาท ลดลง 3.50 บาท
4.PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,296.55 ล้านบาท ปิดที่ 37.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
5.BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,619.34 ล้านบาท ปิดที่ 134.50 บาท ลดลง 0.50 บาท

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.PTTEP ปิดที่ 150.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.50 บาท หรือ 4.53%
2.CBG ปิดที่ 101.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 1.00%
3.CENTEL ปิดที่ 42.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 1.80%
4.RS ปิดที่ 16.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท หรือ 3.73%
5.STGT ปิดที่ 25.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 2.00%

ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.KBANK(XD) ปิดที่ 152.00 บาท ลดลง 3.50 บาท หรือ 2.25%
2.JMT ปิดที่ 82.50 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 2.37%
3.EA ปิดที่ 88.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 2.22%
4.BH ปิดที่ 160.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 1.23%
5.ADVANC ปิดที่ 221.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 0.90%

ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,258.42 จุด ลดลง -10.18 จุด หรือ -0.45% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 991.80 จุด ลดลง -4.74 จุด หรือ -0.48% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 669.12 จุด เพิ่มขึ้น 13.45 จุด หรือ 2.05%

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวลงตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวลงเช่นเดียวกัน ซึ่งยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับปัจจัยของการเร่งตัวเงินเฟ้อที่ยังมีโอกาสสูงขึ้นได้ และเป็นปัจจัยที่เข้ามากระทบต่อการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยและการลดงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แม้ว่าตลาดส่วนใหญ่จะตอบรับข่าวไปบ้างแล้ว แต่มองว่ายังคงเป็นปัจจัยกดดันต่อการลงทุนในตลาดหุ้น และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ปรับขึ้นสูงเป็นปัจจัยที่กดดันต่อตลาดหุ้นด้วยเช่นกัน

ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังได้รับปัจจัยหนุนจากกลุ่มหุ้นที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันและถ่านหินที่ปรับตัวขึ้นมา ส่งผลให้เป็นปัจจัยที่ช่วยพยุงดัชนีตลาดหุ้นไทยได้บ้าง รวมถึงยังมีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กมาช่วยได้บ้าง แม้ว่ามูลค่าการซื้อขายในวันนี้จะไม่คึกคักมากหลังจากกลับมาเปิดทำการซื้อขายอีกครั้ง จากที่หยุดไปในช่วงเทศกาลสงกรานต์

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยพรุ่งนี้คาดว่ายังคงแกว่งตัวไซด์เวย์ โดยในช่วงนี้เป็นช่วงที่เริ่มต้นสู่การทยอยประกาศทยอยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/65 ของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งเริ่มจากกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่มี TISCO ประกาศออกมาแล้วในวันนี้ และติดตามการทยอยประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/65 ของธนาคารพาณิชย์อื่นๆ โดยให้แนวต้าน 1,680-1,685 จุด แนวรับ 1,660-1,665 จุด


กำลังโหลดความคิดเห็น