xs
xsm
sm
md
lg

บล.พาย มองกรอบ SET สัปดาห์นี้ 1,650-1,680 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บล.พาย (Pi) เปิดเผยว่า ประเมินกรอบ SET สัปดาห์นี้ที่ 1,650-1,680 จุด โดยเป็นสัปดาห์แรกหลังเสร็จสิ้นเทศกาลสงกรานต์ ปัจจัยที่ต้องจับตาบ้าง ได้แก่ ภาพรวมการติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศเนื่องจากเกิดการท่องเที่ยวและการเดินทางกลับภูมิลำเนาของประชาชน แม้การติดเชื้อล่าสุดจะลดลงมาอยู่เพียง 1.7 หมื่นราย ต่ำสุดในรอบ 2 เดือน อย่างไรก็ตาม อาจเกิดจากปริมาณการเข้าตรวจที่ลดน้อยลงเพราะเทศกาลสงกรานต์ ขณะที่การเสียชีวิตเร่งตัวขึ้นมาล่าสุดอยู่ที่ 128 รายสูงสุดในรอบ 7 เดือน

ขณะเดียวกันโควิด-19 ในจีนเป็นที่ต้องจับตาใกล้ชิด การติดเชื้อล่าสุดในวันที่ 15 เม.ย. อยู่ที่ 52,951 ราย (สูงสุดในประวัติการณ์) ทั้งนี้หากจีนยังคงดำเนินมาตรการ Zero COVID-19 ย่อมแลกมากับความเสียหายทางเศรษฐกิจและความเสี่ยงอุปทานขาดแคลน ซึ่งปัจจุบันจีนถือเป็นประเทศที่มีมูลค่าส่งออกสินค้าสูงสุดอันดับแรกของโลกด้วยมูลค่าราว 3.3 ล้านล้านเหรียญ ขณะที่ไทยพึ่งพิงการส่งออกไปจีนค่อนข้างสูง (อันดับ 2) ของประเทศที่ส่งออกทั้งหมดและคิดเป็น 11.4% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมดในเดือน ก.พ.22

ด้านบริษัทจดทะเบียนพบว่ามี (CBG CPF HANA NER SPA) ขณะที่ได้รับผลกระทบทางอ้อมได้แก่ น้ำมัน (PTTEP) เดินเรือ (PSL TTA) ปิโตรเคมี (PTTGC IVL)

ถัดมาจะเป็นเรื่องของผลประกอบการไตรมาส 1/65 อิง Bloomberg คาดว่ากลุ่มธนาคารพาณิชย์ทั้งหมดจะรายงานในสัปดาห์นี้ เบื้องต้นสำหรับ 6 ธนาคารพาณิชย์ที่เราดูแล (BBL KBANK KKP KTB SCB TTB) คาดกำไรสุทธิรวมกันที่ 4.05 หมื่นล้านบาท (+8%YoY +20%QoQ) หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่สูงขึ้นผลจากสินเชื่อที่เติบโตขึ้นและสำรองหนี้ที่ลดลง

อย่างไรก็ตาม เราเริ่มมีมุมมองเชิงระมัดระวังมากขึ้นต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์ สืบเนื่องจากปัญหาเงินเฟ้อ ความไม่สงบภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างยูเครน-รัสเซีย จึงอาจบั่นทอนสินเชื่อและเพิ่มแรงกดดันต่อการสำรองหนี้ในอนาคตจากนี้ แต่ยังเลือก BBL KBANK เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มเนื่องจากงบดุลที่ยืดหยุ่นพร้อมกับการเติบโตของกำไรและราคาหุ้นไม่แพง

ส่วนปัจจัยอื่นๆ ในวันศุกร์จะมี 2 ปัจจัย ได้แก่ การรายงานการค้าระหว่างประเทศของไทย และการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)

กลยุทธ์การลงทุนยังเน้นระมัดระวังต่อการลงทุนควรเพิ่มการถือครองเงินสดเนื่องจากกังวลถึง Valuation ที่แพงและการปรับลดประมาณการช่วงถัดไป ระยะสัปดาห์แนะค้าปลีก (BJC CRC CPALL) มองเป็นกลุ่มที่ผลกระทบน้อยสุดทั้งจากเงินเฟ้อและปัจจัยต่างประเทศ รวมถึงสื่อสาร (ADVANC INTUCH) โรงพยาบาล (BCH CHG)

BJC (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 40 บาท) คาดผลประกอบการจะค่อยๆ ดีขึ้นในปีนี้ จากจุดต่ำสุดในปี 64 หนุนจาก 1.ผลประกอบการ BigC ที่ดีขึ้น 2.ยอดขายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ฟื้นตัวที่แข็งแกร่งทั้งในไทยและเวียดนาม 3.รายได้ค่าเช่าฟื้นตัวจากการให้ส่วนลดค่าเช่าที่ลดลง

INTUCH (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 82 บาท) เริ่มต้นบทวิเคราะห์ด้วยคำแนะนำ "ซื้อ" ได้ประโยชน์จาก ADVANC ที่เป็นผู้เล่นดีที่สุดในอุตสาหกรรม ขณะที่ ADVANC ได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐาน 5G ที่ดีขึ้น ส่วนธุรกิจ THCOM แม้มีแนวโน้มไม่ดีแต่ไม่มีนัยต่อการประเมินมูลค่า


กำลังโหลดความคิดเห็น