xs
xsm
sm
md
lg

'พีระพงศ์ จรูญเอก' นั่งนายกสมาคมอาคารชุดไทย ชู 3 ภารกิจใหญ่พลิกฟื้นตลาดคอนโดฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายพีระพงศ์ จรูญเอก
เข้าสู่บริบทใหม่ของสมาคมอาคารชุดไทย ท่ามกลางตลาดคอนโดมิเนียมที่กำลังเริ่มเข้าสู่ภาวะค่อยๆ "ฟื้นตัว" อีกครั้ง หลังจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตลาดคอนโดฯ ชะลอตัวลงอย่างหนัก เนื่องจากตลาดนักลงทุนและกลุ่มนักเก็งกำไรลดหายไปจากตลาดอย่างรวดเร็ว เป็นผลสืบเนื่องจากมาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV Effect) ตั้งแต่เดือนเมษายน 2562 และถูกซ้ำเติมด้วย 'สึนามิโควิด' มาถึง 2 ปี และมาตรการควบคุมการระบาด ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อกำลังซื้อในภาคที่อยู่อาศัย

ล่าสุด ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 ของสมาคมอาคารชุดไทยเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีการเลือก นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI บริษัทอสังหาฯ ที่มีการเติบโตอย่างมากอีกบริษัทหนึ่งที่กำลังสร้างออริจิ้นฯ ให้เติบโตแบบพหุจักรวาลสู่ "อาณาจักรแสนล้าน" ได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมอาคารชุดไทย คนที่ 12

นโยบายเร่งด่วน ขับเคลื่อนตลาดคอนโดฯ เติบโต

นายพีระพงศ์ เปิดเผยหลังจากได้รับหน้าที่ นายกสมาคมอาคารชุดไทย ว่า จะสานต่อนโยบายเดิมจาก ดร.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ อดีตนายกสมาคมฯ เนื่องจากในช่วงที่เกิดวิกฤตการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตลาดคอนโดฯ ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ดังนั้น ตนมีทิศทางที่จะพยายามทำให้ตลาดฟื้นตัวเหมือนเช่นในช่วงปี 2560-2561 (ช่วงที่ตลาดคอนโดฯ มีการเติบโตสูงที่สุด) เพราะกำลังซื้อคนไทยและต่างชาติยังมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ตนต้องการทำใน 3 ประเด็นหลักๆ ที่สำคัญ ได้แก่

ประการแรก การไปขอความร่วมมือกับบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) ช่วยผ่อนปรนกฎเกณฑ์ ผ่อนคลายเครดิตการกู้ยืมสินเชื่อสำหรับกลุ่มอาชีพที่ได้รับผลกระทบในช่วงวิกฤตโควิด-19 เพื่อให้กลุ่มดังกล่าวยังมีเครดิตและมีความสามารถในการเข้าถึงสินเชื่อได้ง่าย

ประการที่สอง การสร้างความร่วมมือกับกระทรวงแรงงานและสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ในการให้ สปส.จัดแคมเปญสนับสนุน "ที่อยู่อาศัยหลังแรก" แก่ผู้ใช้สิทธิประกันสังคมของ สปส. โดยนโยบายจะคล้ายกับ "รถยนต์คันแรก" สำหรับบ้านจัดสรร-คอนโดฯ ระดับราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ซึ่งจะนำเงินจากกองทุน สปส. มาจัดสรรในโครงการดังกล่าว

อนึ่ง สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ระบุถึงผลการดำเนินงานการบริหารการลงทุนกองทุนประกันสังคมและกองทุนเงินทดแทนในปี 2564 กองทุนประกันสังคมมีเงินลงทุนรวม 2,282,490 ล้านบาท โดยกองทุนประกันสังคมในปีที่ผ่านมามีผลตอบแทนจำนวน 62,927 ล้านบาท

และประการที่สาม กระตุ้นตลาดต่างประเทศ ในเรื่อง Permanent Residenc Visa หรือ (Green Card) ให้สิทธิการพักอาศัยระยะยาว 10 ปี คล้ายประเทศมาเลเซีย ทดแทน Elite Card เพื่อจูงใจให้ลูกค้าชาวต่างชาติมาซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทยมากขึ้น ทำให้ตลาดคอนโดฯ กลับมาคึกคักอีกครั้ง

“ช่วงที่ผ่านมา สมาคมฯ ได้เจรจากับทางภาครัฐ ด้วยการเดินหน้ารวมหนี้ นำสินเชื่อระยะสั้นทั้งบ้านและรถมารวมกัน เพื่อให้ดอกเบี้ยของผู้กู้ถูกลงและเข้าถึงการมีบ้านได้ง่ายขึ้น ซึ่งเราจะต่อยอดจากนโยบายเดิมขอ ดร.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ นายกสมาคมฯ ท่านที่ผ่านมา และต้องขอบคุณท่านที่ช่วยผลักดันมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือสมาคมฯ มาโดยตลอด โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตโควิด-19”


ต้องจัดให้ได้ งาน 'มหกรรมบ้านและคอนโด' ช่วยผู้ประกอบการระบายสต๊อก

นายพีระพงศ์ กล่าวว่า งานแรกของสมาคมฯ ที่จะให้เกิดขึ้น คือ การเดินหน้าจัดงาน “มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 42” ให้ได้ในปี 2565 ต้องจัดอย่างยิ่งใหญ่กว่าทุกครั้ง ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ หรือ QSNCC เป็นการช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถระบายสต๊อกที่เหลืออยู่ได้ และยังเป็นการช่วยให้ "ผู้ซื้อ" ที่ต้องการที่อยู่อาศัยสามารถรีบตัดสินใจซื้อได้ในปีนี้ เนื่องจากยังหาซื้อได้ในราคาที่ถูก ในสถานการณ์ที่ต้นทุนก่อสร้างพุ่งขึ้นสูงไปถึง 15% ดังนั้น หากลูกค้าที่สนใจซื้อบ้าน "ควรรีบซื้อ" ก่อนที่จะมีการ "ปรับขึ้นในปีหน้า"

สำหรับทิศทางของตลาดคอนโดฯ ในช่วง 8-9 เดือนของปีนี้ นายพีระพงศ์ กล่าวเชื่อว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพฤติกรรมของผู้ซื้อ ต้องการตัวเลือกของคอนโดฯ ที่มีห้องขนาดใหญ่ในทำเลรถไฟฟ้าสายใหม่ประมาณ 50-60 ตารางเมตร ซึ่งจะทำให้ลูกค้าสามารถมีสินค้าที่ทดแทนแนวราบชานเมืองมากขึ้น ทำให้เกิดความคล่องตัวในการทำงานในรูปแบบ Work From Home ซึ่งผู้ประกอบการต้องมีวิธีในการปรับตัวและทำราคาขายประมาณ 70,000-80,000 บาทต่อตารางเมตร เพื่อดึงดูดความสนใจ

ท้ายที่สุด ใกล้ที่จะมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) สิ่งที่เราอยากเห็นจากคนใหม่นั้นคือ ให้ปรับปรุงทัศนียภาพ กทม.ทั้งหมด โดยเฉพาะทางเท้า ปรับปรุงคุณภาพชีวิตคน กทม.ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้มากขึ้น และเรื่องการบูรณาการในการประสานงานกับหน่วยงานในสังกัด กทม.ลงได้ จะมีผลให้ต้นทุนพัฒนาโครงการลดลงได้ในแต่ละปี
กำลังโหลดความคิดเห็น