เอ็ม.ซี.เอส.สตีล เปิดแผนปี 65 เร่งเดินหน้าการผลิตหนุนดีมานด์โครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่สำหรับอาคารสูงญี่ปุ่นขยายตัว สอดรับสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย ผู้บริหารเตรียมบินลัดฟ้าสู่ญี่ปุ่นเจรจาดีลโครงการขนาดใหญ่ตึกสูงที่สุดอันดับ 1 ของประเทศ หวังตุนแบ็กล็อกในมือพุ่งเฉียด 200,000 ตัน รองรับการเติบโตยาวถึงปี 2568
ดร.ไนยวน ชิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน) (MCS) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสที่ 1/2565 บริษัทฯ ได้เดินหน้าการผลิตตามแผนงานเพื่อส่งมอบส่วนที่เหลือของโครงการ Toranomon ตามสัญญา นอกจากนี้ บริษัทเตรียมเดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อทำการเจรจาโครงการขนาดใหญ่เพิ่มเติม คาดว่ามีโอกาสสูงที่จะได้งานในมือเพิ่มจากโครงการอาคารสูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ความสูง 360 เมตร ส่งผลให้งานในมือ (Backlog) เติบโตรวมเกือบ 2 แสนตัน และสามารถส่งมอบงานได้ต่อเนื่องจนถึงปี 2568 สะท้อนถึงผลประกอบการบริษัทที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะ 3 ปีนี้
ขณะที่แนวโน้มโครงการตึกสูงในญี่ปุ่นที่เกิดการชะลอตัวจากภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทประเมินว่าปีนี้ความต้องการใช้โครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่สำหรับประกอบอาคารสูงในประเทศญี่ปุ่นจะกลับมาขยายตัวสูงขึ้น หลังสถานการณ์โควิดมีแนวโน้มเริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดี ประกอบกับ MCS ในฐานะที่เป็นผู้ประกอบการหลักของไทยที่ส่งออกโครงสร้างเหล็กไปประเทศญี่ปุ่น และเป็นบริษัทต่างประเทศแห่งเดียวที่ได้รับมาตรฐานการผลิตโครงสร้างขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น (S Grade) เชื่อว่าจะช่วยหนุนการผลิตที่มากขึ้นในปีนี้เพื่อการรองรับการเดินหน้าโครงการต่างๆ ในญี่ปุ่น
“ในปีนี้ผมเชื่อว่าจะเป็นโอกาสทองของ MCS อีกครั้งและน่าจะส่งต่อจนถึงปี 68 จากการที่ภาคอสังหาฯ ของญี่ปุ่นกลับมาฟื้นตัว โครงการขนาดใหญ่เร่งเดินหน้า นั่นเท่ากับเราต้องเร่งการผลิตเพื่อส่งมอบให้แก่คู่ค้าของเรา และหากมองย้อนกลับไปจะพบว่าการเติบโตนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 64 แล้ว วัดได้จากกำไรสุทธิ 1,415 ล้านบาท ที่เราสามารถทำออลไทม์ไฮนับตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจมา ซึ่งหลังจากนี้ยังคงเดินหน้าหาโครงการใหม่ๆ เพื่อให้ MCS เติบโตในระยะยาวและสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน” ดร.ไนยวน ชิ กล่าว