"ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่" ประเมินภาพรวมธุรกิจปีนี้สดใส ผลจากธุรกิจการจัดจำหน่ายก๊าซ LPG ส่งสัญญาณดีจากปริมาณความต้องการใช้เพิ่ม คาดยอดขายปีนี้แตะระดับ 7.65 แสนตัน ลุยสร้างแบรนด์ “เวิลด์แก๊ส” เล็งขยายเครือข่ายผ่านตัวแทนจัดจำหน่าย ตั้งเป้า 3 ปีครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ ส่วนธุรกิจโซลาร์รูฟท็อป หวังมีกำลังการผลิตเพิ่มอีก 20 เมกะวัตต์ ตั้งเป้ารายได้ปี 65 โตไม่ต่ำกว่า 5%
น.ส.ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ WP เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจปีนี้มีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 5% จากปี 2564 หรือประมาณ 12,000 ล้านบาท โดยรายได้จากธุรกิจ LPG ยังเป็นรายได้หลัก โดยมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ LPG 98% พร้อมกันนี้ได้ตั้งเป้ายอดขายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพิ่มเป็น 765,000 ตัน จากปี 2564 ที่มียอดขายเท่ากับ 700,000 ตัน แบ่งเป็นขายภายในประเทศ 740,000 ตัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 96.5% และส่งออก 25,000 ตัน คิดเป็นสัดส่วน 3.5%
สำหรับกลยุทธ์หลักที่สร้างการเติบโตให้กลุ่มบริษัทฯ ปีนี้เน้นสร้างแบรนด์ “เวิลด์แก๊ส” เป็นแบรนด์หลักในการสร้างรายได้ โดยจะขยายเครือข่ายการจัดจำหน่ายผ่านการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ต่างๆ ภายในประเทศ ซึ่งตั้งเป้าภายใน 3 ปีครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขวาง และครอบคลุมมากขึ้นทั้งในกลุ่ม B2B และ B2C
ในส่วนของธุรกิจโรงซ่อมถังหรือบำรุงรักษาถังก๊าซ อุปกรณ์ และส่วนควบของเตาแก๊สหุงต้มที่ได้ดำเนินการมาแล้วนั้น ทำให้บริษัทฯ สามารถประหยัดต้นทุน และควบคุมคุณภาพได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีกำลังการซ่อมอยู่ที่ประมาณ 4.3 แสนใบต่อปี ในส่วนของการส่งออกไปยังต่างประเทศ บริษัทได้มองถึงการ Trading LPG ในภูมิภาคในปริมาณเพิ่มเติม เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ซึ่งปัจจุบันได้ Trading LPG ไปยัง ประเทศเวียดนามเรียบร้อยแล้ว โดยในปีที่ผ่านมามียอดการส่งออกอยู่ที่กว่า 18,581 ตัน
ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์ในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ บริษัทได้นำเทคโนโลยีมาใช้ในการอำนวยความสะดวกเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายเวิลด์แก๊สผ่านช่องทางออนไลน์ สามารถสั่งแก๊สออนไลน์ ติดตามข่าวสาร สะสมคะแนนสำหรับกิจกรรม CRM ต่างๆ โดยได้นำเอา CRM Platform ตอบโจทย์ลูกค้า B2B2C ในส่วนธุรกิจ B2B มุ่งเป็น one Stop Service พร้อมนำระบบ Data I-care มาช่วยในการบริหารจัดการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าในหลายมิติ
สำหรับธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ในปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 20 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ และบริษัทฯ มีความพร้อมที่จะรับงานใหม่เพิ่มเติม ด้วยการแสวงหาพลังงานใหม่ที่เป็นอนาคตของธุรกิจพลังงานที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาว ที่ไม่ได้จำกัดเพียงแค่ solar rooftop แต่รวมถึง Solar farm ด้วย
ขณะที่ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) บริษัทมองเห็นความต้องการใช้ที่มากขึ้น โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งในอนาคตบริษัทฯ สามารถที่นำเสนอทั้งก๊าซ LPG และ LNG ให้ลูกค้ารายใหม่ได้ โดยบริษัทคาดหวังว่าจะสามารถให้บริการลูกค้าในธุรกิจก๊าซ LNG เพิ่มเติมได้ในปีนี้
ทั้งนี้ แนวโน้มอุตสาหกรรมก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนปีนี้จะฟื้นตัวอย่างชัดเจนตามความต้องการใช้ก๊าซ LPG ที่คาดว่าจะกลับมาเติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นสินค้าที่ต้องใช้และมีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน ประกอบกับในวันที่ 1 เมษายนนี้ ภาครัฐกำหนดนโยบายให้มีการปรับขึ้นราคาก๊าซเป็นรูปแบบขั้นบันได โดยก๊าซหุงต้ม LPG ขนาดถัง 15 กก. จะปรับขึ้นราคาจาก 318 บาท เป็น 333 บาท หรือเฉลี่ยขึ้นกิโลกรัมละ 1 บาท
“จากการเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่เพิ่มมากขึ้นทำให้ในภาพรวมธุรกิจในอนาคตจะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งบริษัทฯ ยังมุ่งเน้นขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับ LPG เพื่อต่อยอดธุรกิจหลัก และเพิ่มศักยภาพในส่วนของรายได้และกำไร รวมถึงช่วยสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ “เวิลด์แก๊ส” ให้มีศักยภาพมากขึ้นอีกด้วย” น.ส.ชมกมล กล่าว