K WEALTH โดยธนาคารกสิกรไทย แนะนำกลยุทธ์ปรับพอร์ตช่วงราคาทองคำและน้ำมันขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ ให้ทยอยขายบางส่วน นำกำไรมาลงทุนต่อในสินทรัพย์อื่นๆ ที่ราคากำลังย่อตัว เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว
นายวีระพล บดีรัฐ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายพัฒนาการให้คำปรึกษาลูกค้า และ K WEALTH GURU ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์การลงทุนช่วงนี้ราคาทองคำและน้ำมันขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ เกิดจากนักลงทุนกังวลเรื่องสงครามรัสเซีย-ยูเครน และภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงทั่วโลก ถือเป็นจังหวะที่นักลงทุนที่มีทองคำ น้ำมันอยู่ในพอร์ตควรทยอยขายบางส่วนเพื่อทำกำไร ให้มีสัดส่วนทองคำในพอร์ตประมาณ 5-10% และนำกำไรนั้นไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นที่ราคากำลังย่อตัว แต่มีความสามารถฟื้นตัวในอนาคต เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว โดยมีกลยุทธ์สำหรับจัดการสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ดังนี้
หุ้นยุโรป ปรับตัวลงอย่างหนัก เนื่องจากได้รับผลกระทบโดยตรงจากสงคราม รวมถึงถูกกดดันจากราคาพลังงานและแก๊สที่สูงขึ้น จึงแนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุน
หุ้นสหรัฐฯ ดัชนี Russell 2000 (หุ้นขนาดเล็ก) เทียบกับ S&P500 (หุ้นขนาดใหญ่) ปรับตัวลง เป็นดัชนีชี้วัดล่วงหน้าประมาณ 6 เดือน ว่าเศรษฐกิจมีโอกาสหดตัว แนะนำว่าผู้ที่มีการลงทุนในสหรัฐฯ อยู่ยังถือต่อได้ แต่ไม่แนะนำให้ลงทุนเพิ่ม
หุ้นไทย ประเมินหุ้นไทยในอีก 12 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงราว 3% แต่ยังถือว่าได้รับผลกระทบน้อย คนที่สนใจหุ้นไทยสามารถลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลและกลุ่มค้าปลีกได้ สำหรับนักลงทุนที่ไม่ได้ลงทุนในหุ้นโดยตรง มีกองทุนแนะนำคือ K-STAR, K-VALUE, K-SET50, K-BANKING
คริปโตฯ เป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่ราคาผันผวนสูง สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในคริปโตฯ แนะนำว่าควรมีไม่เกิน 5% ของพอร์ต และแม้ว่าที่ผ่านมา จะมีเงินไหลเข้าตลาดคริปโตฯ กว่า 260 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ จากการแทรกแซงสถาบันการเงินของรัสเซีย และการบริจาคทุนให้ยูเครน ทำให้มูลค่าตลาดคริปโตฯ เติบโตมหาศาล แต่ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจและยอมรับความเสี่ยงจากความผันผวนที่สูงมากเช่นกัน
NFT เป็นการลงทุนทางเลือกเชิงไลฟ์สไตล์ (Lifestyle Alternative Investment) ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน แต่เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง และมีข้อจำกัดด้านสภาพคล่อง โดยเฉพาะ NFT ที่ผูกกับคริปโตฯ จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเพราะมูลค่าของคริปโตฯ อาจผันผวนได้รุนแรง ส่วน NFT ที่ผูกกับเงินบาท เช่น NFT งานศิลปะที่เสนอขายบนแพลตฟอร์ม Coral จะไม่มีความเสี่ยงในเรื่องนี้ ทั้งนี้ มูลค่าของ NFT ขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาด ดังนั้น นักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรควรศึกษาศักยภาพในการเพิ่มมูลค่า เช่น ชื่อเสียงของผู้สร้าง ความหายาก ประวัติที่มาของผลงานนั้นๆ เป็นต้น
สำหรับคนที่รับความเสี่ยงได้น้อยอาจจะไม่เหมาะกับหุ้นคริปโตฯ หรือ NFT สามารถพักเงินในสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ เช่น ตราสารหนี้ อย่างกองทุน K-SFPLUS, K-CBOND ไว้ก่อนได้ เพื่อรอดูสถานการณ์และตัดสินใจลงทุนภายหลัง