KBank Private Banking ชี้หุ้นนอกตลาดเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจเพื่อผลตอบแทนที่มั่นคงในหลากหลายภาวะเศรษฐกิจ เผยกองทุน K-GPE19A-UI และ K-GTPE20A-UI ซึ่งลงทุนในหุ้นนอกตลาดของบริษัทต่างประเทศ สร้างผลกำไรเฉลี่ย 40% ใน 2 ปี ชูความสำเร็จจากการเสนอขายกองทุน LH-THAIPE1UI กองทุนแรกที่ลงทุนในหุ้นนอกตลาดของบริษัทไทย ด้วยยอดระดมทุนกว่า 3.67 พันล้านบาท รุกนำเสนอนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์การลงทุนทางเลือกต่อเนื่อง พร้อมสนับสนุนความก้าวหน้าของเศรษฐกิจไทย
นายตรีพล ภูมิวสนะ ไพรเวท แบงกิ้ง บิซิเนส เฮด ไพรเวท แบงกิ้ง กรุ๊ป ธนาคารกสิกรไทย (KBank Private Banking) เปิดเผยว่า ท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบันที่ราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์มีการแกว่งตัวสูง การหาผลตอบแทนทำได้ยากขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมา ทำให้หุ้นนอกตลาด หรือไพรเวทอิควิตี้ (Private Equity) ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่สามารถลดความผันผวนของพอร์ตได้ เนื่องจากราคาจะไม่ผันผวนตามตลาดหลักทรัพย์ แต่จะขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานจริงของธุรกิจ นอกจากนี้ยังช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงธุรกิจซึ่งอยู่ในวัฏจักรที่หลากหลาย และได้รับประโยชน์จากการเติบโตของกิจการก่อนที่จะเข้าตลาด ซึ่งจะช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีและมีเสถียรภาพกว่าได้ในระยะยาว
โดยตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา KBank Private Banking ได้นำเสนอกองทุนไพรเวทอิควิตี้ ซึ่งลงทุนในหุ้นนอกตลาดของบริษัทต่างประเทศไปแล้วทั้งสิ้น 2 กองทุน ได้แก่ กองทุน K-GPE19A-UI ซึ่งลงทุนในกิจการที่มั่นคง มีกระแสเงินสดสม่ำเสมอและเติบโตอย่างรวดเร็ว และกองทุน K-GTPE20A-UI ซึ่งลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี และเป็นแหล่งสร้างการเติบโตที่สำคัญ โดยกองทุน K-GPE19A-UI สามารถสร้างผลกำไรกว่า 43% ในขณะที่กองทุน K-GTPE20A-UI สร้างผลตอบแทนได้ 3.8% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
ล่าสุด ในเดือนธันวาคม 2564 KBank Private Banking ได้ร่วมกับ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เสนอขายกองทุนใหม่ LH-THAIPE1UI (LH Fund Thai Private Equity 1 Not for Retail Investors) ซึ่งลงทุนในธุรกิจไทยขนาดเล็กถึงขนาดกลาง 8-12 บริษัท ที่มีรายได้ระหว่าง 500-3,000 ล้านบาท และเป็นธุรกิจมีกำไรอยู่แล้วหรือเคยทำกำไรได้ดีแต่ประสบปัญหาระยะสั้น โดยอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตสอดคล้องกับเศรษฐกิจไทยในระยะยาว ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการเสนอขายหุ้นนอกตลาดของบริษัทไทยในรูปแบบของกองทุนเปิด และได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูง โดยสามารถระดมทุนได้มูลค่ารวม 3,677 ล้านบาท หลังจากเสนอขายเพียง 14 วัน
“การนำเสนอขายกองทุนหุ้นนอกตลาดของบริษัทในประเทศไทยเป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นของ KBank Private Banking ในการใช้เครื่องมือและความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนของเราในการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของธุรกิจไทย และขับเคลื่อนความก้าวหน้าของเศรษฐกิจของประเทศ ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นการแบ่งปันองค์ความรู้เกี่ยวกับแนวทางในการสร้างการเติบโตของธุรกิจให้แก่ลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูง ซึ่งส่วนมากเป็นกลุ่มเจ้าของกิจการ และตอกย้ำการเป็นผู้ให้บริการบริหารความมั่งคั่งครบวงจรอีกด้วย และในปี 2565 นี้ KBank Private Banking มีแผนที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนทางเลือก (Alternative Investment) อื่นๆ เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง นอกจากกองทุนหุ้นนอกตลาด (Private Equity Fund) แล้ว จะมีการออกกองทุนหุ้นนอกตลาดที่มีสภาพคล่อง (Liquid Private Equity Fund) หนี้ภาคเอกชน (Private Debt) และหุ้นอสังหาริมทรัพย์ไทยนอกตลาด (Real Estate Private Equity in Thailand) เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพื่อสร้างผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจให้พอร์ตการลงทุนของลูกค้า ตั้งเป้าหมายครองความเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์การลงทุนทางเลือก (Alternative Investment)”