xs
xsm
sm
md
lg

BBLAMเปิดกองทุนหุ้นไทย เน้นลงทุนหุ้นขนาดกลางและเล็ก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ BBLAM เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพการฟื้นตัวของเศษฐกิจไทย โดยในปีนี้การบริโภคภายในประเทศและการลงทุนภาครัฐจะเป็นปัจจัยผลักดันที่สำคัญ ผนวกด้วยภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มจะกลับมา ขณะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจภายใต้มาตรฐานด้านสาธารณสุขของประเทศที่วางแนวปฏิบัติไว้ก็ดำเนินไปได้ดี ซึ่งในสภาวะเช่นนี้เกื้อหนุนให้บริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มเติบโต จึงเป็นจังหวะที่ดีสำหรับการเข้าลงทุนในหุ้นไทย โดยเฉพาะหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กซึ่งมีจุดเด่นและน่าสนใจหลายประการ ด้วยเป็นธุรกิจมีโอกาสเติบโตสูง ขนาดองค์กรมีความคล่องตัว ผู้บริหารรุ่นใหม่มีวิสัยทัศน์เปิดรับยุคดิจิทัล จึงรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วได้ดี มีช่องทางจับมือบริษัทขนาดใหญ่เพื่อต่อยอดธุรกิจ

ด้านผลตอบแทนการลงทุน หากเปรียบเทียบข้อมูลจะพบว่าในระยะหลัง FTSE SET Mid/Small Cap ซึ่งเป็นตัวแทนหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า SET Index และ SET50 ซึ่งเป็นตัวแทนหุ้นขนาดใหญ่ มาอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงปี 2563 - 2564 ที่ทั่วโลกเผชิญกับสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ดังนั้นการลงทุนในหุ้นขนาดกลางหรือขนาดเล็กที่สามารถเติบโตได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยของ GDP จึงถือเป็นเป้าหมายการลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดในระยะยาว
ด้วยมุมมองดังกล่าว BBLAM จึงพิจารณาจัดตั้ง กองทุนเปิดบัวหลวง Small Mid Equity (B-SMEQ) กองทุนรวมหุ้นไทย ที่ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล ใช้กลยุทธ์การบริหารเชิงรุกเพื่อคาดหวังผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีหุ้นไทย โดยคัดเลือกลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนขนาดกลางและขนาดเล็ก และมีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) ไม่เกิน 80,000 ล้านบาท ซึ่ง ณ สิ้นปี 2564 มีจำนวนมากกว่า 767 บริษัท ทำให้มีทางเลือกลงทุนที่หลากหลาย ไม่กระจุกตัวในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง

B-SMEQ เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์และเหมาะกับนักลงทุนผู้มองหาการลงทุนในหุ้นไทยซึ่งเชื่อในความสามารถการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนขนาดกลางและขนาดเล็ก เน้นเพิ่มมูลค่าการเติบโตให้เงินลงทุนในระยะยาว และยอมรับความผันผวนจากการลงทุนในหุ้นได้ โดย B-SMEQ จะเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 21-25 กุมภาพันธ์ 2565 ราคาเสนอขาย 10 บาทต่อหน่วยลงทุน มูลค่าการซื้อขั้นต่ำ 500 บาท พิเศษช่วง IPO คิดค่าธรรมเนียมการขายในอัตรา 0.50% จากปกติ 1.00%
กำลังโหลดความคิดเห็น