xs
xsm
sm
md
lg

เซ็นทรัล รีเทลโชว์ความสำเร็จ ผลประกอบการ Q4/64 ทุบสถิติสูงสุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เซ็นทรัล รีเทล ประกาศความสำเร็จ ผลประกอบการไตรมาส 4/2564 ทุบสถิติสูงสุด พลิกทั้งปีกลับมามีกำไรและจ่ายเงินปันผล 0.30 บาทต่อหุ้น

วันนี้ (25 ก.พ.) นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าวว่า “เซ็นทรัล รีเทล เดินหน้าทุบสถิติสูงสุด ประกาศความสำเร็จด้วยผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 มีรายได้ 58,765 ล้านบาท บวก 15% EBITDA 8,031 ล้านบาท บวก 42% กำไรสุทธิ 2,464 ล้านบาท บวก 124% ทำให้สามารถปิดปี 2564 ด้วยการพลิกมีกำไรสุทธิ 277 ล้านบาท EBITDA 20,059 ล้านบาท จากรายได้รวมทั้งสิ้น 195,654 ล้านบาท แม้ต้องเผชิญภาวะการระบาดของ COVID-19 เป็นระยะเวลายาวนานพร้อมกันทั้งในประเทศไทย เวียดนาม และอิตาลี แต่เซ็นทรัล รีเทล ยังบริหารธุรกิจจนมีผลกำไรและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้น ด้วยการจ่ายเงินปันผล 0.30 บาทต่อหุ้น

ความสำเร็จของเซ็นทรัล รีเทล ในปี 2564

•ประเทศไทย : ยอดขายปี 2564 ที่ไม่รวมนักท่องเที่ยวต่างชาติ แซงหน้ายอดขายก่อนช่วงเกิดโควิด-19 ความสำเร็จนี้เกิดมาจากการที่เซ็นทรัล รีเทล มีแพลตฟอร์ม Multi-Category จึงทำให้สามารถปรับเปลี่ยน portfolio ให้ทันต่อความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป โดยมุ่งโฟกัสที่กลุ่มธุรกิจฮาร์ดไลน์ ซึ่งเป็นไปตามเทรนด์ของผู้บริโภค จึงทำให้กลุ่มนี้มีการเติบโตเป็นอย่างมาก และยอดขายสูงกว่าช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 กว่า 26% มีการขยายสาขาไทวัสดุรวม 5 สาขา และเปิดร้านค้ารูปแบบใหม่ภายใต้ go! WOW 15 สาขาภายในเวลาเพียง 3 เดือนในปี 2564 ซึ่งได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี ตอกย้ำการเป็นผู้นำบนแพลตฟอร์ม Omnichannel Home Improvement นอกเหนือจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล ยังประสบความสำเร็จในการควบรวมกิจการของ COL ที่ประกอบไปด้วย OfficeMate, B2S และจะนำธุรกิจ MEB ลีดเดอร์ในธุรกิจ E-Book และเว็บไซต์อ่านนิยายของไทยจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปีนี้ 2565 สำหรับ กลุ่มธุรกิจฟูด เซ็นทรัล รีเทล ยังตอกย้ำการเป็นเบอร์หนึ่งของ The Best Food Destination ในประเทศไทย ด้วยการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในปี 2564 เปิด 46 สาขา ตอกย้ำการเป็นผู้นำของกลุ่มฟูด โดย Tops Supermarket ได้รับรางวัลสุดยอดแบรนด์ที่ทรงอิทธิพลต่อผู้บริโภคมากที่สุด (Top Influential Brands) จากอินฟลูเอนเชียล แบรนด์ ประเทศสิงคโปร์ ร่วมกับนิโอ ทาร์เก็ต ผู้นำด้านที่ปรึกษาชื่อเสียงองค์กรในประเทศไทย และเราได้ตรึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วจนถึงไตรมาส 1 ปีนี้เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายประชาชนอีกด้วย สำหรับกลุ่มธุรกิจแฟชั่น เราสามารถผลักดัน และทำให้ธุรกิจกลุ่มนี้เติบโตได้อย่างสูงสุดในไตรมาส 4 เมื่อเทียบกับไตรมาสอื่นๆ ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมาและยังคงมีโมเมนตัมดีมากจนถึงปัจจุบัน

•ประเทศเวียดนาม : ถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดเป็นอย่างมาก แต่เซ็นทรัล รีเทลยังคงมีแผนลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยมีการรีโนเวตและขยายสาขา ตอกย้ำการเป็นผู้นำในตลาดไฮเปอร์มาร์เกต และไลฟ์สไตล์ มอลล์ ครอบคลุมพื้นที่ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง ทั้งยังขยายไปในตลาดฟูด โดยการเปิดมอลล์ฟอร์แมทใหม่ mini go! ที่เจาะกลุ่มลูกค้า Mass และได้เปิด Tops Market เพื่อครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้าในประเทศเวียดนาม แม้เวียดนามประสบปัญหาจากโควิดทำให้สาขาต้องปิดทั้งในไตรมาส 2 และ 3 เซ็นทรัล รีเทล ยังสามารถทำยอดขายในเวียดนามโตกว่าช่วงก่อนโควิดมากกว่า 8% และ EBITDA มีการเติบโตประมาณ 9% จากปีที่แล้ว


• ประเทศอิตาลี : มีการปรับปรุงห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต้ (Rinascente) ที่เป็นสาขาเรือธง 3 สาขา คือ มิลาน ฟลอเรนซ์ และโรม โดยใช้ช่วงที่ประเทศอิตาลีมีการล็อกดาวน์และปรับปรุงเสร็จทันช่วงที่เปิดประเทศเมื่อกลางปี 2564 จึงส่งผลให้มีผลประกอบการและจำนวนลูกค้าเติบโตดีต่อเนื่อง เนื่องจากได้กำลังซื้อจากผู้จับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ และนักท่องเที่ยวจากยุโรปกลับมา ส่งผลให้ยอดขายในไตรมาส 4 กลับมาเทียบเท่า 99% ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ยอดขายทั้งปีของประเทศอิตาลีฟื้นตัวแรงโตได้ประมาณ 30% จากปีที่ผ่านมา และ EBITDA โตกว่า 4 เท่า จากปีที่แล้ว

• พร็อพเพอร์ตี้ : มีการขยายและปรับปรุงสาขาทั้งในไทยและเวียดนาม โดยมีการเปิด GO! ไลฟ์สไตล์ มอลล์ ในเวียดนาม และศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ในไทยรวมทั้งสิ้น 6 สาขา สำหรับศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ยังคงรักษาระดับ Occupancy Rate ได้มากกว่า 90% และจำนวนลูกค้าที่เข้าศูนย์การค้ามีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสิ้นปี 2564 เซ็นทรัล รีเทล มีศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ท็อปส์ พลาซ่า และ GO! ไลฟ์สไตล์ มอลล์ รวมทั้งสิ้น 69 สาขา และมีพื้นที่เช่ากว่า 650,000 ตารางเมตร เพิ่มขึ้น 10% จากปีที่ผ่านมา

• เทคโนโลยีและดิจิทัล : เซ็นทรัล รีเทล ได้ยกระดับองค์กรและบุคคลากรในเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีโดยมีการปรับวัฒนธรรมองค์กรให้เป็น Digital-First Culture และพัฒนา Omnichannel Platform ให้สมบูรณ์แบบที่สุด เพื่อสร้างเอกลักษณ์ให้เซ็นทรัล รีเทล เป็นผู้นำในแพลตฟอร์ม Omnichannel ทำให้ยอดขายผ่านแพลตฟอร์มนี้มีสัดส่วน 20% ของยอดขายทั้งหมด และเติบโต 109% อีกทั้งยังมีการพัฒนา CRC Data Ecosystem และพัฒนาเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ๆ ให้ทุกกลุ่มธุรกิจ เพื่อรองรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตอกย้ำการเป็นผู้นำค้าปลีกแห่งอนาคต

“ในปี 2564 นับว่าเป็นปีของการทดสอบความแข็งแกร่งของเซ็นทรัล รีเทล ที่มีความท้าทายเป็นอย่างมาก แต่เราสามารถกลับมาพลิกฟื้นธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม ซึ่งพิสูจน์ได้แล้วว่าการปรับตัวอย่างรวดเร็วขององค์กรและบุคลากรสามารถทำให้เซ็นทรัล รีเทล ก้าวผ่านอุปสรรคทั้งหลาย ซึ่งผมต้องขอขอบคุณลูกค้า คู่ค้า และพนักงานทุกคนของเราที่ร่วมภารกิจนำพาองค์กรให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด จากนี้ไปเราพร้อมเร่งเครื่องเดินหน้ากลยุทธ์ CRC Retailligence อย่างเต็มรูปแบบในการยกระดับแพลตฟอร์มออมนิแชเนลโดยใช้เทคโนโลยี และดิจิทัลใหม่ๆ เพื่อเร่งการขับเคลื่อนให้เกิดการเติบโตในกลุ่มธุรกิจหลักทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงการร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ระดับสากล และสร้างธุรกิจใหม่ตามเทรนด์ของโลกและความต้องการของผู้บริโภค ตลอดจนขยายธุรกิจภายใต้แนวคิด Inclusive Growth สร้างความสำเร็จร่วมกันกับพาร์ตเนอร์เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน” นายญนน์ กล่าวปิดท้าย


กำลังโหลดความคิดเห็น