นักวิเคราะห์ชี้การตอบโต้ของรัสเซียต่อยูเครน ไม่สามารถสร้างเงื่อนไขต่อมาตรการอัตราดอกเบี้ยของ Fed ได้ แม้ชุมชนนักเทรดจำนวนไม่น้อยตั้งความหวังไว้ว่าโอกาสตลาดกระทิงของคริปโตฯ จะยังมีอยู่ แม้ว่าจะริบหรี่เต็มที
จากการเปิดเผยของ coindesk ระบุถึงการโพสต์ทวีตสุดเกรียนในลักษณะประชดประชันของ Joel Heyman นักแสดงและโปรดิวเซอร์ ว่า “ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ปูตินประกาศยกเลิกการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคมและขยายระยะเวลา QE” ซึ่งเขาโพสต์ทวีตหลังจากที่ นายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ประกาศทำสงครามกับยูเครน และแทบจะในทันทีราคา bitcoin ก็ปรับตัวลดลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนที่ต่ำกว่า 35,000 ดอลลาร์ ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้า S&P 500 ปรับตัวลดลงกว่า 730 จุด
ทวีตที่ค่อนข้างประชดประชันของ Heyman ที่เรียกปูตินว่าประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) นั้นสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของตลาด crypto ในปัจจุบัน ซึ่งนักเทรดต่างหวังว่าความไม่แน่นอนทางการเมืองและความไม่แน่นอนของตลาดสินทรัพย์จะบังคับให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่นำโดยเจอโรม พาวเวล ละทิ้งแผนการที่จะผ่อนคลายมาตรการกระตุ้นสภาพคล่อง ซึ่งมาตรการนั้นอาจเป็นลางดีสำหรับ bitcoin เนื่องจากคริปโตเคอรฺเรนซี (cryptocurrency) ลดลง 40% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา และส่วนใหญ่มาจากความกลัวว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญไม่ได้คาดการณ์ว่าเฟดจะกลับท่าทีของคำประกาศที่เคยกล่าวไปก่อนหน้านี้โดยสมบูรณ์หรือไม่ โดย Matthew Dibb, COO และผู้ร่วมก่อตั้ง Stack Funds กล่าวว่า "เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่าเฟดจะกลับมาเดินตามแผนการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมีนาคมโดยสมบูรณ์ ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะเกิดขึ้นจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูงขึ้น เพราะว่ารัสเซียและยูเครนยังคงเป็นผู้ส่งออกโลหะมีค่าและการเกษตรรายใหญ่ที่สุดในบางส่วนอยู่นั่นเอง" อันที่จริงมันกลายเป็นสถานการณ์ Catch 22 สำหรับเฟด เนื่องจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่จะเป็นภัยคุกคามต่อเสถียรภาพของตลาดการเงินและเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกัน สามารถเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อทั่วโลกได้เป็นอย่างดี
ขณะที่ล่าสุดราคาน้ำมันเบรนท์ทะลุ 100 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2014 โดยข้อมูลกราฟจากแพลตฟอร์มของ TradingView ซึ่งอ้างอิงจาก Goldman Sachs นั้นระบุถึงมีเงื่อนไขสำหรับการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตามแรงกดดันจากสถานการณ์ความขัดแย้งของสงคราม
ขณะที่ Alex Kruger เทรดเดอร์และนักวิเคราะห์กล่าวว่า "นี่เป็นสถานการณ์ที่แย่ที่สุด ถือเป็นความเสี่ยงอย่างมาก และแน่นอนว่าราคาน้ำมันดิบและธัญพืชมีแนวโน้มที่จะถีบราคาสูงขึ้นไปอีกนาน"
อย่างไรก็ตาม Alex Kruger กล่าวเสริมว่าน้ำมันดิบและเมล็ดพืชอาหารไม่ได้เป็นตัวแทนของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน และเฟดอาจเพิกเฉยต่อราคาที่พุ่งสูงขึ้น แต่กระนั้นยังคงต้องรอดูกันต่อไปว่าธนาคารกลางจะเพิกเฉยต่อองค์ประกอบที่ผันผวนของอัตราเงินเฟ้อในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าหรือไม่ “เป็นไปไม่ได้ที่จะประเมินการตอบสนองของเฟดในตอนนี้ และเราจะรับรู้ถึงความรู้สึกนั้นได้ชัดเจนขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่ออกมายืนยันอย่างเป็นทางการ” Alex Kruger กล่าว ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานได้รับการกล่าวถึงอย่างกว้างขวางว่าเป็นมาตรวัดความกดดันด้านอุปสงค์ที่ดีที่สุดและเป็นตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้มากขึ้น