โบรกเกอร์ รับประเมินสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน กระทบหลายรูปแบบ แต่เบื้องต้นเชื่อเจรจายืดเยื้อแน่ แต่ยังมั่นใจไม่เกิดสงคราม ขณะที่ตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบเชิงจิตวิทยา หรือแค่ปรับฐาน แต่หากเกิดสงคราม "โนมูระ" มองมีโอกาส SET Index หลุด 1600 จุด เช่นเดียวกับ "ยูโอบี" มองแนวรับ 1,600 จุด ส่วน "หยวนต้า" ให้แนวรับ 1,650 และ 1,620 จุด แนะถือเงินสด เชียร์ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ค้าปลีก อาหาร โรงกลั่น และ ค้าปลีกน้ำมัน
สถานการณ์ระหว่างรัสเซีย ยูเครน และชาติตะวันตก เริ่มทวีความร้อนแรงมากขึ้น หลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียได้ลงนามรับรองสถานะความเป็นรัฐอิสระให้ 2 พื้นที่ คือ โดเนสต์ และ ลูฮันสก์ ในภูมิภาคดอนบาสของยูเครน โดยประธานาธิบดีรัสเซียได้สั่งกระทรวงกลาโหม ให้ส่งทหารเข้าไปรักษาสันติภาพในสองเมืองนี้ในเวลาต่อมา
ในขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ รวมถึงประเทศพันธมิตร อย่างอังกฤษ เยอรมนี ต่างประกาศคว่ำบาตรทันที ที่รัสเซียได้ลงนามในคำสั่งของรัฐบาลลงนามรับรอง 2 พื้นที่ดังกล่าว
โนมูระ พัฒนสิน ประเมิน หากมีสงคราม SET หลุด 1,600 จุด
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า ประเมินผลกระทบถึงกรณีความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนหลังจากนี้ได้ยาก เนื่องจากในช่วง 10 ปีมานี้ไม่เคยเห็นรูปแบบชาติมหาอำนาจเกิดภาวะสงคราม อย่างมากสุดคือเกิดสงครามเย็น หรือมีมาตรการเข้มงวด เช่น การคว่ำบาตร ทั้งการค้าหรือท่องเที่ยว หรือแนวทางกลุ่มธนาคารแต่ละชาติ
" หลังจากนี้จะมีมาตรการเกิดขึ้นทีละระดับตอบโต้รัสเซีย หรือแม้แต่ฝั่งรัสเซียเป็นผู้ส่งออกน้ำมันหลัก หากใช้มาตรการรุนแรงอาจสร้างแรงกดดันยุโรปเรื่องดังกล่าวได้ นอกจากนี้รัสเซียถือสกุลเงินยูโรจำนวนมากประมาณ 32% หากสถานการณ์ลุกลาม มีโอกาสขายเงินออกสำรองมากระทบยุโรปรุนแรง หรือแม้แต่การตอบโต้โดยห้ามบินผ่านน่านฟ้ารัสเซีย ซึ่งหลังจากนี้ต้องติดตามการยกระดับมาตรการแต่ละช่วงซึ่งจะกระทบตลาดการเงินทั่วโลก " นายกรภัทร กล่าว
อย่างไรก็ดีมองว่าหากจะไม่เกิดสงคราม ตลาดหุ้นไทยจะมีแนวรับที่ 1,667 -1,650 จุด และ1,620 จุด เป็นโอกาสซื้อถือระยะกลาง- ยาว เช่น กลุ่มเทคโนโลยีสื่อสาร ค้าปลีก ธนาคารพาณิชย์ และอสังหาริมทรัพย์ รับการพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศ แต่หากเกิดภาวะสงครามประเมินหุ้นไทยหลุดต่ำกว่า 1,600 จุด
สำหรับผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย เรามีส่งออก 0.5% และนำเข้า 0.7% จากประเทศรัสเซีย โดยรวมผลกระทบน้อยเพียง 1.1%แต่เมื่อมีปัญหาค่าเงินยูโรผันผวนอ่อนค่า อาจกระทบค่าเงินตลาดเกิดใหม่อ่อนค่าได้ ซึ่งคิดว่าหากไม่มีการเจรจาเกิดขึ้นจะมีสัญญาณเชิงลบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ
หยวนต้า เชื่อสงครามไม่เกิด แต่หากมีประเมินแนวรับ SET 1,620 จุด
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า การประเมินสถานการณ์ (Scenario) กรณีความขัดแย้ง-ผลกระทบของรัสเซีย-ยูเครน หลังจากนี้ค่อนข้างยาก เนื่องจากมีโอกาสเกิดผลกระทบได้หลายรูปแบบ แต่เบื้องต้นคาดว่าจะมีความยืดเยื้อจากการเจรจาเกิดขึ้นอย่างแน่นอน โดยหากแบ่งเป็นกรณีการเจรจาเกิดขึ้นได้จริง รวดเร็ว มองว่าภาพรวมตลาดหุ้นไทยที่ได้รับผลกระทบเชิงจิตวิทยาดังกล่าว จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เร็ว
อย่างไรก็ตามก่อนจะเกิดการเจรจาคาดว่าอาจมีเหตุปะทะบริเวณชายแดนก่อน เพื่อเข้าสู่กระบวนการเจรจาหรือต่อรอง โดยมองว่าการเจรจาอาจต้องใช้เวลายาวนาน ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจไทยมองว่ามีไม่มาก ตัวอย่าง กลุ่มนักท่องเที่ยวรัสเซียที่มาไทยปัจจุบันยังมีจำนวนน้อย จากผลกระทบโควิด-19 , ธุรกรรมการค้าส่งออกไทยไปรัสเซีย คิดเป็นมูลค่าเพียง 0.5% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด เป็นต้น
เขากล่าวว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจเป็นแค่บรรยากาศสินทรัพย์เสี่ยงปรับฐาน และผลกระทบทางอ้อมจากราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น จากประเด็นราคาน้ำมันบวก โดยไม่เป็นผลดีต่อต้นทุนพลังงานในไทย แต่เป็นผลบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน ในขณะที่ผลทางตรงต่อหุ้นไทยจะเกิดขึ้นจำกัด และคงแค่ปรับฐาน แต่น้อยกว่ายุโรป-สหรัฐฯ ที่มีผลจากธุรกรรมเศรษฐกิจเชื่อมโยงมากกว่า
" มองโอกาสเจรจาจะเกิดขึ้นได้ แต่ระหว่างนั้นภาพรวมหุ้นไทย จะแกว่งตัวตามประเด็นข่าว หรือมาตรการคว่ำบาตรที่ออกมา ประเมินกรอบแกว่งตัวตามข่าวแนวรับ 1,660 - 1,670 จุด แนวต้าน 1,720 จุด แนะลงทุนหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวจำกัด อย่าง หุ้น P/E ไม่แพง Value Play หุ้นปันผล เช่น กลุ่มค้าปลีก สื่อสาร ยานยนต์รับประเด็นรถ EV " นายณัฐพล กล่าว
ส่วนกรณีเลวร้ายสุดคือปะทะหนัก และมีคู่กรณีเข้ามาเกี่ยวข้องหลายฝ่าย หรือเกิดเป็นภาวะสงคราม ซึ่งกรณีดังกล่าวมั่นใจว่าไม่เกิดขึ้น แต่หากเกิดกรณีเลวร้ายสุด ประเมินตลาดหุ้นไทย แนวรับ 1,650 จุด และ 1,620 จุด แนะถือเงินสด
บล.ยูโอบี เคย์เฮียน เชื่อกระทบหุ้นไทยมีจำกัด
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์และนักกลยุทธ์ บล. ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้รัสเซียต้องการยกระดับความขัดแย้งเพื่อให้ชาติตะวันตก และยูเครนเข้าสู่การเจรจาไม่ให้ยูเครนเข้านาโต้ เพราะหากรัสเซียต้องการยึดยูเครนก็สามารถทำได้ไม่ยาก แต่ที่ไม่ทำเพราะกลัวผลกระทบทั้งเรื่องการคว่ำบาตรจากยุโรป-สหรัฐฯ โดยต้องการยกระดับสร้างแรงกดดันให้มากกว่าก่อนหน้านี้ โดยประกาศเรื่องให้ความอิสระแก่ 2 รัฐ ออกมา
" หลังจากนี้คาดว่าการเจรจามีโอกาสเกิดขึ้น อาจยุติแค่ระดับ 2 รัฐดังกล่าวหรืออาจมีมากกว่านั้น แต่หากแนวทางไม่ได้ผล ชาติฝั่งตะวันตก-สหรัฐฯ ตอบโต้กลับรุนแรง ผ่านมาตรการคว่ำบาตร หรือมาตรการรุนแรงอื่นๆ" นายกิจพณ กล่าว
นอกจากนี้ เขากล่าวว่า ผู้คนที่เกี่ยวข้องกับรัสเซียอาจได้รับกระทบหนัก เพราะเศรษฐกิจของรัสเซีย 2 ใน 3 ขึ้นกับธุรกิจด้านพลังงาน โดยหากมีมาตรการรุนแรงเกิดขึ้นมีโอกาสกระทบยุโรปที่ทำธุรกิจร่วมกัน ดังนั้นยุโรปจึงไม่สามารถดำเนินการได้มากเท่าที่ควร ซึ่งกรณีนี้จะกระทบเศรษฐกิจโดยรวม
บล.ยูโอบี ประเมินว่า หากมีมาตรการคว่ำบาตรหรือใช้มาตรการอื่นๆ มองว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อหุ้นไทยมากนัก เนื่องจากการทำธุรกิจร่วมกับชาติรัสเซียอยู่ไกลกัน โดยมองแนวรับที่ 1,670 จุด แนวต้าน 1,720 - 1,740 จุด แนะรอจังหวะหุ้นไทยอ่อนตัว ทยอยซื้อสะสมหุ้นรายตัว เช่นธนาคารพาณิชย์ ค้าปลีก อาหาร พลังงานกลุ่มโรงกลั่นหรือค้าปลีกน้ำมัน
ส่วนกรณีเลวร้ายเกิดคือการเข้าสู่ภาวะสงคราม โดยส่วนตัวคาดว่าจะไม่เกิดขึ้น เพราะหากยุโรปไม่ส่งกำลังทหารไป สหรัฐฯ จะมีโอกาสเข้าไปได้ยาก นอกจากนี้สหรัฐฯ ยังบอบช้ำจากเหตุการณ์โควิด-19 ด้านคะแนนเสียงของประธานาธิบดีโจ ไบเดนตอนนี้ยังไม่ดีจากปัญหาภาวะเงินเฟ้อ แต่หากเกิดกรณีเลวร้ายดังกล่าวประเมินแนวรับตลาดหุ้นไทยประมาณ 1,600 จุด