Chainalysis ระบุในรายงานว่าในจำนวนของเหล่าวาฬที่ถือครองเหรียญคริปโตนั้น พบว่ามีอยู่ถึง 4% ที่แฝงตัวเป็นอาชญากรไซเบอร์ โดยเป็นกระเป๋าเงินส่วนตัวที่ถือ crypto มูลค่ามากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ โดยมากกว่า 10% ของยอดคงเหลือ ซึ่งมีที่มาจากการฟอกเงินและธุรกรรมการฉ้อโกงและแฝงเร้นอย่างผิดกฎหมาย
จากข้อมูลการวิเคราะห์ของสายโซ่บล็อกเชนแสดงให้เห็นการถือครองคริปโตของวาฬเหล่านั้น เข้าข่ายเป็นอาชญากรมากถึง 4,068 ตัว (ประมาณ 4% ของวาฬทั้งหมด) โดยมีมูลค่าคริปโตเคอร์เรนซีรวมกันกว่า $25 พันล้านดอลลาร์ โดยวาฬอาชญากรเป็นกระเป๋าเงินส่วนตัวที่ถือ crypto มูลค่ามากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ โดยมากกว่า 10% ของเงินที่ได้รับจากที่อยู่ที่ผิดกฎหมายซึ่งเชื่อมโยงกับกิจกรรม เช่น การหลอกลวง การฉ้อโกง และมัลแวร์
นอกจากนี้ ในข้อมูลที่มาจาก "Criminal Balances" ของ "Crypto Crime Report" ซึ่งสำรวจกิจกรรมอาชญากรรมบน blockchain ตั้งแต่ปี 2021 และต้นปี 2022 รายงานที่ครอบคลุมในหัวข้อต่างๆ ระบุบุความเชื่อมโยงต่างๆ เช่น ransomware มัลแวร์ ตลาด darknet และโทเคนที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้ (NFT) ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกี่ยวพันอาชญากรรมที่เกี่ยวข้อง
“อาชญากรในคราบวาฬกว่า 4,068 ตัว ที่ถือครองคริปโตเคอร์เรนซีมูลค่ากว่า $25 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งวาฬอาชญากรคิดเป็น 3.7% ของวาฬคริปโตเคอร์เรนซีทั้งหมด และนั่นคือกระเป๋าเงินส่วนตัวที่ถือครองคริปโตเคอร์เรนซี (cryptocurrency) มูลค่ากว่า 1 ล้านดอลลาร์” รายงานระบุ
จากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าวาฬ 1,374 มีการรับส่งเหรียญระหว่าง 10% ถึง 25% จากแหล่งที่เชื่อมโยงกับอาชญากรไซเบอร์ ในขณะที่ 1,361 ตัว ได้รับระหว่าง 90% ถึง 100% โดยผู้ที่มียอดคงเหลือระหว่าง 25% ถึง 90% ของกองทุนผิดกฎหมายรวม 1,333 วาฬอาชญากร
“ในขณะที่เงินที่ถูกขโมยมาครอบงำยอดดุลอาชญากร ตลาด darknet เป็นแหล่งเงินทุนที่ผิดกฎหมายที่ใหญ่ที่สุด ที่ส่งไปยังวาฬอาชญากร ตามมาด้วยการหลอกลวงครั้งที่สอง และกองทุนที่ถูกขโมยในลำดับที่ 3 ” รายงานระบุ
ร่องรอยหลักฐานจากกิจกรรมการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย
ในแง่ของกิจกรรมการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย รายงานเปิดเผยว่าการดำเนินคดีอาญาซึ่งมีกว่า 14 พันล้านดอลลาร์ในปี 2564 โดยเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 79% เมื่อเทียบกับ 7.8 ล้านดอลลาร์ในปี 2563
ส่วนแบ่งที่เติบโตขึ้นที่มีมูลค่ากว่า 14 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว เกิดจากการหลอกลวงซึ่งเพิ่มขึ้น 82% เมื่อเทียบเป็นรายปีคิดเป็น 7.8 พันล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณี rug pull แบบกระจายอำนาจ (DeFi) ได้รับการเน้นว่าเป็นแหล่งสำคัญของการหลอกลวงที่มีมูลค่ารวมสูงถึง 2.8 พันล้านดอลลาร์
“เราควรสังเกตว่าประมาณ 90% ของมูลค่าทั้งหมดที่สูญเสียไปจากการ rug pull ในปี 2564 นั้น มาจากการแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ที่ฉ้อฉลแห่งหนึ่ง ซึ่ง CEO หายตัวไปไม่นานหลังจากการแลกเปลี่ยน ปิดการถอนเงิน และหอบเงินของนักลงทุนหนีไป” ซึ่งการโจรกรรมยังเพิ่มขึ้น 516% คิดเป็นมูลค่า 3.2 พันล้านดอลลาร์ของกิจกรรมการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย โดยภาค DeFi กลายเป็นประเด็นที่น่ากังวลอีกครั้ง
ในด้านบวก Chainalysis ชี้ให้เห็นว่าปริมาณธุรกรรมทั้งหมดในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในปี 2564 มีมูลค่ารวมประมาณ 15.8 ล้านล้านเหรียญ โดยที่อยู่ผิดกฎหมายคิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.15% ของตัวเลขดังกล่าว ลดลงจาก 0.34% ในปีก่อนหน้า
“อาชญากรรมกำลังกลายเป็นส่วนเล็กๆ ของระบบนิเวศของสกุลเงินดิจิทัล ความสามารถในการบังคับใช้กฎหมายในการต่อสู้กับอาชญากรรมที่อิงกับคริปโตเคอร์เรนซีก็พัฒนาขึ้นเช่นกัน เราได้เห็นตัวอย่างหลายประการของสิ่งนี้ตลอดปี 2021 ตั้งแต่การฟ้องร้อง CFTC กับกลโกงการลงทุนหลายครั้ง จนถึงการที่ FBI นำโปรแกรมเรียกค่าไถ่ REvil ที่หลั่งไหลออกมาจำนวนมาก ส่งผลให้ OFAC คว่ำบาตร Suex และ Chatex ของ OFAC” รายงานกล่าว