xs
xsm
sm
md
lg

ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง STP คาดเทรด mai ปีนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง "สหไทยการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์" เดินหน้าเข้าเทรด mai คาดเสนอขายไอพีโอ 25.4 ล้านหุ้น ภายในปีนี้ ชูจุดเด่นดีมานด์บรรจุภัณฑ์พุ่ง STP พร้อมเสิร์ฟลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจอาหารคนและอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นฐานลูกค้ารายใหญ่ และการขยายฐานลูกค้าใหม่ หวังระดมทุนเพื่อใช้ขยายโรงงาน ลงทุนเครื่องจักร รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

นายสุรนัย โรจน์วงศ์จรัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหไทยการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ STP เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจการพิมพ์บรรจุภัณฑ์กระดาษและสิ่งพิมพ์ทุกชนิด โดยมีบริการตั้งแต่การพัฒนาและออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน และมีคุณภาพสูง ด้วยการพิมพ์งานสูงสุด 12 สี และมีบริการหลังพิมพ์ต่างๆ เช่น การเคลือบยูวี การปั๊มฟอยล์ทอง การปั๊มฟอยล์เงิน การประกบลูกฟูก การไดคัต เป็นต้น ด้วยวิสัยทัศน์ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่เติมเต็มความต้องการของลูกค้าด้วยคุณภาพ บริการ และกระบวนการผลิตที่เป็นมาตรฐานสากล

เพื่อขยายการเติบโตรองรับภาพรวมอุตสาหกรรมที่ขยายตัว โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตอาหารคน และอาหารสัตว์เลี้ยงซึ่งเป็นฐานลูกค้ารายหลักของ STP มีแนวโน้มเติบโตและขยายธุรกิจเพิ่มขึ้น จึงส่งผลดีต่อบริษัทฯ ให้มีคำสั่งซื้อที่ดีต่อเนื่องในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ การวางแผนขยายฐานลูกค้ารายใหม่รองรับโลกยุคหลังโควิด บรรจุภัณฑ์จึงเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญเพื่อใช้ในการเพิ่มมูลค่าให้สินค้าและแบรนด์ อีกทั้งภาพรวมตลาดบรรจุภัณฑ์มีแนวโน้มเติบโต รับตลาดอีคอมเมิร์ซ และอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นต่อสินค้าอุปโภคบริโภค

STP จึงวางกลยุทธ์ในการขยายโรงงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักร และขยายกำลังการผลิตที่เน้นการผลิตสินค้าบรรจุภัณฑ์อาหารที่สามารถสัมผัสอาหารโดยตรง (Direct Food Contact) เพื่อเปิดช่องทางการขยายฐานลูกค้าใหม่ รวมทั้ง การส่งมอบสินค้าให้ตรงเวลา มุ่งเน้นรับงานลูกฟูกที่เป็นกล่องพิมพ์ออฟเซตที่มีคุณสมบัติด้านความสวยงามและความแข็งแรง รวมทั้ง การเจาะตลาดลูกค้าใหม่เพื่อสนับสนุนการใช้กำลังการผลิตที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ควบคู่การพัฒนาบุคลากร และเพิ่มศักยภาพความสามารถของพนักงาน มุ่งเน้นการปรับปรุงมาตรฐานการผลิตให้ได้ตามมาตรฐานสากลครบทุกขั้นตอนเพื่อสามารถรับงานผลิตสินค้ากลุ่ม Direct Food Contact ได้

โดย STP มีวัตถุประสงค์การระดมทุนเพื่อนำเงินไปใช้ลงทุนขยายโรงงาน และลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติม รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและการดำเนินการอื่นใดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อกิจการ ซึ่งจะสนับสนุนให้ STP สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องตามกลยุทธ์ที่วางไว้ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวม 10,000 ตันต่อปี ก้าวสู่ผู้ประกอบธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์ชั้นนำของประเทศไทย ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย และการบริหารงานอย่างมืออาชีพ

น.ส.สุวิมล ศรีโสภาจิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า หลังจาก STP ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 25,400,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาท/หุ้น หรือคิดเป็น 25.4% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้ภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้ ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งแบบไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในไตรมาส 2 ปี 2565

โดยจุดเด่นของ STP คือผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ตลอดจนมีความน่าเชื่อถือและเชื่อมั่นจากลูกค้าด้วยการก่อตั้งบริษัทฯ มายาวนานกว่า 50 ปี มีฐานลูกค้ารายใหญ่คือกลุ่มผู้ผลิตอาหารคนและอาหารสัตว์คิดเป็นสัดส่วนราว 94% ของรายได้ ซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมที่เติบโต และการเพิ่มโอกาสไปยังฐานลูกค้ารายใหม่ ด้วยการลงทุนเพิ่มเครื่องจักรที่ทันสมัย และการเพิ่มมาตรฐานให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล จึงมองว่าภายหลังการระดมทุนจะยิ่งเพิ่มความพร้อมในการขยายตลาดดังกล่าวนี้ ด้วยฐานทุนที่แข็งแกร่งขึ้น

ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2561-2563) STP มีรายได้จากการขายและการให้บริการอยู่ที่ 352.2 ล้านบาท 370.2 ล้านบาท และ 440.6 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 5.1% ในปี 2562 และ 19.0% ในปี 2563 โดยหลักเป็นผลมาจากลูกค้ารายใหญ่รายเดิม

ซึ่งส่วนมากเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารทะเลบรรจุกระป๋องและอาหารทะเลแปรรูป ได้เพิ่มยอดสั่งผลิตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสนับสนุนกำไรสุทธิในปี 2561-2563 ที่ 63.2 ล้านบาท 59.0 ล้านบาท และ 95.4 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นต่อเนื่องที่ 35.4% 36.1% และ 39.9% ตามลำดับ เนื่องจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น และก่อให้เกิดการประหยัดเนื่องจากขนาด (Economies of Scale)

รายได้งวด 9 เดือนแรกปี 2564 อยู่ที่ 431.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 337.0 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 97.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 69.7 ล้านบาท มีอัตรากำไรขั้นต้น 39.7% อัตราส่วนกำไรสุทธิ 22.7%


กำลังโหลดความคิดเห็น