xs
xsm
sm
md
lg

PTC เปิดเทรดวันแรกเหนือจอง 92.85%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บริษัท พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ PTC เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เมื่อเปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 6.75 บาท เหนือจอง 92.85% เพิ่มขึ้น 3.25 บาท จากราคาไอพีโอที่กำหนดไว้หุ้นละ 3.50 บาท

โดย PTC เสนอขายหุ้น IPO 110 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.83% ของหุ้นทั้งหมด Par 0.50 บาท เสนอขายที่ P/E 13.81 เท่า เทียบกับ P/E กลุ่ม 73 เท่า PSTC 43 เท่า ระดมทุนเพื่อใช้ในการชำระคืนเงินกู้แก่สถาบันการเงิน จำนวน 120 ล้านบาท และเป็นเงินทุนหมุนเวียน 248 ล้านบาท

สำหรับ PTC ประกอบธุรกิจคลังน้ำมันเชื้อเพลิงตามมาตรา 17 ของพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2542 โดยมีบริการหลักคือ รับ เก็บ และจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ปัจจุบันมีคลังน้ำมัน 2 แห่ง ได้แก่ คลังน้ำมันเชื้อเพลิงที่จังหวัดขอนแก่น มีถังเก็บน้ำมัน 10 ถัง ปริมาตรรวมประมาณ 9.0 ล้านลิตร มีความสามารถรับและจ่ายน้ำมันได้ปีละ 1,400 ล้านลิตร และ 1,400 ล้านลิตรตามลำดับ และคลังน้ำมันเชื้อเพลิงที่จังหวัดศรีสะเกษ มีถังเก็บน้ำมัน 10 ถัง ปริมาตรรวมประมาณ 9.7 ล้านลิตร มีความสามารถรับและจ่ายน้ำมันได้ปีละ 830 ล้านลิตร และ 770 ล้านลิตรตามลำดับ

ทั้งนี้ PTC มีทุนชำระแล้ว 205 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 300 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 110 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อบุคคลตามดุลพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 105.61 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือพนักงานของบริษัท 4.39 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 4-8 กุมภาพันธ์ 2565 ในราคาหุ้นละ 3.50 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 385 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,435 ล้านบาท

นายวีรวัฒน์ บูรพพัฒนพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTC ผู้ประกอบธุรกิจคลังน้ำมันสำหรับรับ เก็บ ผสมและจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ หมวดกลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากร โดยใช้ชื่อย่อ ‘PTC’ ในการซื้อขายหลักทรัพย์ หลังจากได้ระดมทุนโดยการเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 110 ล้านหุ้น ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม เกินกว่าความคาดหมายที่วางไว้ ซึ่งการระดมทุนดังกล่าวจะเสริมความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงิน เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในหลากหลายมิติ และสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น นับว่าเป็นก้าวสำคัญของบริษัทฯ อย่างแท้จริง

หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai บริษัทฯมุ่งมั่นในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน และมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ประจำอย่างสม่ำเสมอ (Recurring Income) โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาและคาดว่าจะเป็นหนึ่งในโครงการอนาคตของ PTC อีกด้วย พร้อมกันนี้ บริษัทฯ เดินหน้าให้บริการด้านคลังน้ำมัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสายโซ่อุปทานน้ำมันที่นับเป็นต้นทุนสำคัญของภาคโลจิสติกส์ในประเทศไทย และมีโครงการที่จะพัฒนาคลังน้ำมันของบริษัทเอง เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนก่อสร้างจุดรับน้ำมันทางรถไฟที่คลังศรีสะเกษ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการแก่ลูกค้าในด้านการเพิ่มช่องทางการขนส่งน้ำมัน อีกทั้งช่วยลดต้นทุนการขนส่งน้ำมันให้แก่ลูกค้า เนื่องจากในปัจจุบัน บริษัทฯ ให้บริการการรับน้ำมันทางรถบรรทุกเพียงทางเดียว จึงเตรียมการหาช่องทางการรับน้ำมันเพิ่มเติมเพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทในอนาคต โดยบริษัทได้ทำการศึกษาเส้นทางการขนส่ง ต้นทุนการขนส่งแต่ละประเภท ความปลอดภัยในการขนส่ง ข้อกำหนดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งน้ำมันของลูกค้า ประกอบกับการพิจารณาและคำนึงถึงผลตอบแทนจากการลงทุน รวมถึงระดับความเสี่ยงในการเลือกที่จะลงทุน

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTC กล่าวเพิ่มเติมว่า จากนโยบายแผนพลังงานของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานสำหรับการบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิงปี 2558-2579 (Oil Plan) ได้ประมาณการความต้องการเชื้อเพลิงในภาคการขนส่งประเภทเบนซินและดีเซลที่จะเพิ่มขึ้นในกรณีที่ทุกอย่างเป็นปกติ (Business as Usual: BAU) จาก 32,207.9 ล้านลิตรในปี 2569 สู่ 45,561.00 ล้านลิตรในปี 2579 เติบโตร้อยละ 41.02 หรือมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ร้อยละ 3.5 ซึ่งเมื่อประเมินปริมาณการใช้น้ำมันทั้ง 2 ชนิดในภาคขนส่งจริงจากปี 2558 ที่ 24,054 ล้านลิตร อัตราการเพิ่มขึ้นของการใช้น้ำมันไปถึงปี 2569 ตามแผนในกรณี BAU จะเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 34.32 คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ที่ร้อยละ 2.99 ต่อปี โดยปี 2563 ไทยมีการใช้น้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลในภาคการขนส่ง 27,355.38 ล้านลิตรต่อปี

ส่วนในอนาคตของธุรกิจน้ำมัน แม้มีแนวโน้มว่าจะอาจจะมีการใช้พลังงานทดแทนน้ำมันเชื้อเพลิงสำเร็จรูปในรูปแบบของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ดี ตัวเลขจำนวนรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ณ สิ้นเดือนมิถุนายน ปี 2564 มีอยู่เพียง 31,277 คัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.1654 ของจำนวนรถยนต์ทั้งหมด รวมถึงยังมีหลายปัจจัยที่ไม่เอื้อต่อการใช้ ดังนั้นมั่นใจว่าน้ำมันยังคงมีบทบาทสำคัญในฐานะแหล่งพลังงานหลักในการขับเคลื่อนภาคการขนส่งของประเทศเช่นที่ผ่านมา

นางจารีรัตน์ บุลสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ในฐานะผู้จัดการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน กล่าวว่า ด้วยศักยภาพเติบโตของ บมจ.พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น ที่อยู่ในธุรกิจคลังน้ำมันสำหรับรับ เก็บ ผสมและจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งการให้บริการของอยู่ภายใต้การนำเสนอแนวคิดของการใช้ทรัพยากรร่วมกันให้แก่ผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ในประเทศ โดย PTC จะทำหน้าที่เป็นผู้สำรองน้ำมันและจ่ายน้ำมันให้แก่สถานีบริการน้ำมันในพื้นที่ใกล้เคียง ส่งผลในการช่วยลดภาระแก่ผู้ค้าน้ำมันในการลงทุนสำหรับการสร้างคลังน้ำมันของตัวเอง ประกอบกับทำเลที่ตั้งคลังน้ำมันที่อยู่ตามจุดยุทธศาสตร์การขนส่ง ถือเป็นการช่วยอำนวยความสะดวกและเพิ่มทางเลือกการขนส่งรวมถึงสำรองน้ำมันของสถานีบริการน้ำมัน ซึ่งเป็นการบริหารจัดการทรัพยากรในระบบห่วงโซ่อุปทานพลังงานของประเทศไทยให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการที่ PTC มีความสัมพันธ์อันดีและสามารถสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์โดยการทำงานร่วมกันกับทั้งลูกค้า คู่ค้า รวมถึงผู้มีส่วนได้เสียในอุตสาหกรรมเดียวกัน ทำให้ธุรกิจเจริญเติบโตร่วมกันจากการแบ่งปันความรู้ความสามารถ การแบ่งและบริหารความเสี่ยงต่อองค์กร และนวัตกรรมต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ

นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บมจ.พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น หรือ PTC เรียกได้ว่าเป็นหุ้นธุรกิจให้บริการคลังน้ำมันเชื้อเพลิงตัวแรก ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ด้วยจุดแข็งจากประสบการณ์ด้านการประกอบธุรกิจสถานีบริการน้ำมันและรถขนส่งน้ำมันมากว่า 20 ปี ทำให้ผู้บริหารของ PTC มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการสายโซ่อุปทานของผู้ค้าน้ำมันในประเทศไทยเป็นอย่างดี ส่งผลให้สามารถกำหนดที่ตั้งในการก่อสร้างคลังน้ำมันเพื่อเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการกระจายน้ำมันของผู้ค้าน้ำมันสู่สถานีบริการและผู้ใช้งาน ซึ่งพื้นที่ให้บริการปัจจุบันอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถือเป็นภูมิภาคที่มีสัดส่วนปริมาณจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดเบนซินและดีเซลเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย รองจากเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล อีกทั้งยังเป็นเส้นทางเชื่อมโยงสู่ประเทศเพื่อนบ้านได้ ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ช่วยเสริมสร้างความเชื่อมโยงด้านระบบการขนส่งพลังงานให้ทุกพื้นที่มีโอกาสเข้าถึงพลังงานอย่างเท่าเทียมกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น