หุ้นบริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NEWS ถูกกระชากขึ้นอย่างร้อนแรงอีกครั้ง โดยมีเสียงเชียร์ว่าจะเป็นหุ้นเทิร์นอะราวนด์ หรือหุ้นที่พลิกฟื้น เพื่อปลุกเร้าการเก็งกำไร
ราคาหุ้น NEWS พุ่งจาก 5 สตางค์ ซึ่งเป็นราคาปิดเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยถูกลากขึ้นชนเพดานสูงสุด 30% 3 วันติด จนเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ขึ้นมาปิดที่ 9 สตางค์ และเคาะกันสนั่นหวั่นไหว 9,946.79 ล้านหุ้น
ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ต้องประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายทันที เพื่อดับความร้อนแรง ซึ่งไม่รู้ว่าจะสยบหุ้น NEWS อยู่หรือไม่
เมื่อต้นเดือนกันยายน 2564 หุ้น NEWS ยังลากขึ้นจบลงอยู่แถว 1-2 สตางค์ แต่หลังจากนั้นราคาปรับตัวขึ้น โดยขึ้นไปสูงสุดที่ 7 สตางค์ และไม่มีใครรู้ว่าหุ้นที่นอนนิ่งสงบมายาวนานตัวนี้ทำไมจึงพุ่งแรง จนกระทั่งคณะกรรมการบริษัทฯ แจ้งมติที่ประชุมเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2564
NEWS จะปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ ก้าวสู่ธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงินหรือฟินเทค และจะขายหุ้นบริษัท เว็ลธ์ เวนเจอร์ส จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจโรงแรม เมอร์เคียว กรุงเทพ มักกะสัน วงเงิน 575 ล้านบาท เพื่อนำเงินมาใช้เป็นทุนหมุนเวียน และต่อยอดธุรกิจฟินเทค
ปลายเดือนพฤศจิกายน 2564 คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้บริษัท ลิเบอเรเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในทางอ้อม ซื้อและรับโอนทรัพย์สินโบรกเกอร์ ซีท จากบริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด โดยมีราคาซื้อขายที่ 120 ล้านบาท เพื่อเดินหน้าแผนปรับองค์กรสู่ธุรกิจฟินเทค
การประกาศปรับโครงสร้างองค์กร การโดดเข้าสู่ธุรกิจฟินเทค และการซื้อโบรกเกอร์ ซีท กลายเป็นข่าวที่กระตุ้นราคาหุ้น NEWS โดยเฉพาะเมื่อมีเสียงเชียร์กันดื้อๆ อย่างไม่ละอายจากสื่อในกลุ่มว่า NEWS จะเป็นหุ้นเทิร์นอะราวนด์ และมีแรงซื้อเข้ามาจุดพลุนำ ราคาหุ้นจึงพุ่งอย่างน่าหวาดเสียว และเป็นราคาสูงสุดในรอบหลายปี
การปรับโครงสร้างสู่ธุรกิจฟินเทคจะพลิกฟื้นผลประกอบการของ NEWS ให้เป็นหุ้นเทิร์นอะราวนด์จริงหรือ หรือเป็นเพียงการสร้างข่าว ปลุกการเก็งกำไี ซึ่งเป็นพฤติกรรมในอดีตของหุ้นตัวนี้
นักลงทุนหน้าใหม่อาจจะไม่รู้จักประวัติของ NEWS ดี ไม่รู้ว่าหุ้นตัวนี้เคยเป็นหุ้นร้อน และมักมีการสร้างข่าวกระตุ้นการเก็งกำไรเป็นระยะๆ นอกจากนั้น ยังขยันเพิ่มทุน เคยสร้างสถิติเป็นบริษัทดทะเบียนที่เพิ่มทุนถี่ยิบที่สุด โดยปี 2557 เคยเพิ่มทุนถึง 11 ครั้ง และยังเพิ่มทุนตามมาอีกหลายครั้งในปีถัดๆ มา
และการเพิ่มทุนนำหุ้นเสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมในบางครั้ง ประกาศว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่สละสิทธิจองซื้อ ปล่อยให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยเป้นเจ้าภาพ เติมเงินเข้าบริษัท โดยเงินเพิ่มทุนถูกนำไปซื้อทรัพย์สิน และอวดอ้างว่าจะส่งผลดีต่อการดำเนินงาน
แต่ผลประกอบการกลับขาดทุนต่อเนื่อง จนบริษัทมีปัญหาฐ่นะทางการเงิน ส่วนของผู้ถือหุ้นมีมูลค่าต่ำกว่า 50% ของทุนจดทะเบียน และถูกตลาดหลักทรัพย์แขวนป้าย “C” จนถึงวันนี้
NEWS มีทุนจดทะเบียน 75,650.20 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 1 บาท โดยเพิ่มทุนถี่จนขาดทุนมหาศาล แต่เงินที่ระดมเข้ามาส่วนใหญ่ถูกละลายไป ขณะที่รายได้บริษัทก็ไม่สมส่วนกับทุน เพราะมีรายได้เพียงปีละไม่กี่ร้อยล้านบาท หรือบางปีมีรายได้รวมเพียง 100 ล้านบาทเศษ
ทุนจดทะเบียนของ NEWS กำลังพุ่งเกิน 1 แสนล้านหุ้น เพราะได้ออกหุ้นใหม่จำนวน 30,000 ล้านหุ้น เสนอขายบุคคลในวงจำกัด 4 ราย ในราคาหุ้นละ 1.8 สตางค์
น ส.อรอร อัครเศรณี ซึ่งได้รับการจัดสรรจำนวน 15,000 ล้านหุ้น โดยได้เลื่อนการชำระค่าหุ้นเป็นต้นเดือนมีนาคมนี้
ถ้าราคาหุ้นบนกระดานยังยืนในระดับ 9 สตางค์ได้ บุคคลในวงจำกัด 4 รายที่ได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 30,000 ล้านหุ้น จะรวยเละกันทันที เพราะมีต้นทุนเพียง 1.8 สตางค์เท่านั้น
ผู้ถือหุ้นรายย่อย NEWS มีจำนวนทั้งสิ้น 8,658 ราย และเชื่อว่าจะมีส่วนหนึ่งที่ติดแหง็ก แบกหุ้นต้นทุนสูงมายาวนาน แม้หุ้นจะถูกลากขึ้นมา 9 สตางค์ แต่อาจยังไม่เพียงพอที่จะชำระแผลที่บาดเจ็บจากหุ้นตัวนี้ได้
ถ้าการก้าวสู่ธุรกิจฟินเทค ทำให้ NEWS เป็นหุ้นเทิร์นอะราวนด์จริง จะเป็นเรื่องที่ดี เพราะผู้ถือหุ้นจะได้รับอานิสงส์
แต่ถ้าการปรับองค์กรสู่ธุรกิจใหม่กลายเป็นมุกเก่าๆ เป็นเพียงข่าวที่กระตุ้นราคาหุ้น แมลงเม่าที่บินเข้าไปเล่นกับ NEWS อาจไม่เหลือชีวิตกลับออกมา