หุ้นบริษัท อรินสิริ แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ ARIN เงียบเหงาซบเซามายาวนาน นับจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่ปลายปี 2562 แต่ช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ถูกลากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางมูลค่าซื้อขายที่สูงผิดหูผิดตา จนตลาดหลักทรัพย์ต้องเฝ้าจับตามอง
จากราคาที่นิ่งๆ อยู่ต่ำกว่า 2 บาท และเมื่อวันที่ 27 มกราคม ปิดที่ 1.81 บาท ต่อจากนั้นราคาถูกลากขึ้น จนเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ทะยานขึ้นมาปิดที่ 3.06 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงสุดนับจากเข้าตลาดหุ้น ขณะที่มูลค่าการซื้อขาย 335.04 ล้านบาท จากก่อนหน้าที่ซื้อขายวันละไม่กี่ล้านบาท
ภายในเวลา 7 วันทำการ ARIN วิ่งจาก 1.81 บาท ขึ้นมาปิดที่ 3.06 บาท เพิ่มขึ้น 1.26 บาท หรือเพิ่มขึ้น 69.61% โดยไม่มีปัจจัยสนับสนุน จนตลาดหลักทรัพย์ต้องสอบถามไปยังบริษัทถึงสาเหตุที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง
และหลังปิดการซื้อขายวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ARIN ชี้แจงตอบข้อซักถามของตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวกับพัฒนาการใดๆ ที่อาจส่งผลต่อราคาหุ้น โดยยืนยันว่า บริษัทไม่มีพัฒนาการใดที่มีนัยสำคัญ และไม่ทราบถึงสาเหตุที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น
ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ได้ประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายหุ้น ARIN โดยกำหนดให้ซื้อด้วยเงินสด หรือบัญชีแคปบาลานซ์ มีผลระหว่างวันที่ 8-28 กุมภาพันธ์นี้
ARIN มีปัญหาตั้งแต่ก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว เพราะนำหุ้นเสนอขายนักลงทุนเป็นครั้งแรกในราคาที่สูงเกินไป จนโบรกเกอร์หลายแห่งไม่กล้าเป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย แต่บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด รับเป็นผู้จัดจำหน่าย ในราคาหุ้นละ 3.10 บาท
ผลปรากฏว่าขายไม่หมด หุ้นเหลือบานเบอะ จนต้องยกเลิกการจำหน่าย ต่อมาจึงให้บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด เป็นผู้จัดการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย โดยลดราคาเหลือเพียงหุ้นละ 1.80 บาท มีค่าพี/อี เรโชสูงกว่า 60 เท่า จึงถือว่าราคาเสนอขายยังสูงอยู่ แต่มีการออกข่าวว่า หุ้นขายหมดเกลี้ยง
10 กรกฎาคม 2562 หุ้น ARIN เข้าซื้อขายวันแรก ราคาต่ำกว่าจองตั้งแต่เปิดตลาด ก่อนจะปิดที่ 1.43 บาท ต่ำกว่าจอง 37 สตางค์ หรือต่ำกว่าจอง 20.56% หลังจากนั้นราคาทรุดลงอีก และลวงไปต่ำสุดที่ 57 สตางค์
ใครที่จองหุ้น ARIN ไว้ เจ็บหนักกันถ้วนหน้า
สาเหตุที่ราคา ARIN ดิ่งลง ไม่เพียงแต่ค่าพี/อี เรโชสูง และราคาเสนอขายแพงยับเท่านั้น แต่ผลประกอบการกลับย่ำแย่ โดยก่อนเข้าตลาดหุ้นผลประกอบการมีกำไร แต่เมื่อแต่งตัวเข้าตลาดหุ้นเรียบร้อย ผลประกอบการขาดทุนทันที และขาดทุนติดต่อกันหลายปี นับจากขายหุ้นสูบเงินจากนักลงทุนไปแล้ว
กลุ่มนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ARIN โดยมีผู้ถือหุ้นรายย่อยอยู่เพียง 866 ราย ซึ่งถ้ายังถือหุ้น ARIN อยู่ คงมีกำไรกันแล้ว
แต่สำหรับนักลงทุนรายย่อยหน้าใหม่ที่ตามแห่เก็งกำไรหุ้น ARIN ไม่มีใครรับประกันความปลอดภัย ไม่มีใครบอกได้ว่าจะบินเข้ากองไฟเหมือนนักลงทุนที่จองซื้อหุ้น ARIN ก่อนเข้าตลาดหรือไม่
เพราะการพุ่งขึ้นของ ARIN รอบนี้ไม่มีปัจจัยสนับสนุนใดๆ จึงน่าจะมีรายใหญ่จุดพลุไล่ราคา เรียกแมลงเม่าเข้าไปแลกหมัดวัดดวง
ARIN เป็นหุ้นการเมืองเต็มตัว เพราะตระกูลนักการเมืองถือหุ้นใหญ่เต็มมือ แต่ใครจะถือหุ้นใหญ่ไม่สำคัญ ถ้ามีพฤติกรรมที่อาจสร้างความเสียหายให้ประชาชนผู้ลงทุน ก็ต้องใช้มาตรการกำกับดูแล สยบความร้อนแรงที่ผิดปกติเหมือนกัน
ตลาดหลักทรัพย์ส่งสัญญาณเตือนมาแล้ว ระวังหุ้น ARIN ไม่อยากเจ็บตัวควรหลีกเลี่ยง