หุ้นเช้าปิดบวก 4.56 จุด รับ Sentiment เชิงบวก แต่ยังไม่แตะแนวต้านสำคัญที่ 1,685 จุด จากปัจจัยในประเทศอยู่ในโทนบวกคลายกังวลโควิดโอมิครอน และ Fund Flow ยังไหลเข้าต่อเนื่อง ส่วนปัจจัยต่างประเทศ ยังต้องติดตาม Bond Yield สูง เงินเฟ้อสหรัฐฯ เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ช่วงบ่ายวันนี้คาดผันผวนแดนบวก จับตามติ ครม.
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวในกรอบขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1,685 จุดไม่ได้ โดยตลาดยังรอปัจจัยให้มีความชัดเจน หรือความคืบหน้า ซึ่งปัจจัยในประเทศมีโทนบวกจากสถานการณ์การระบาดโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนแม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อเร่งตัวสูงกว่า 1 หมื่นราย แต่อัตราการตายไม่มาก ทุกคนปรับตัวได้จึงเชื่อว่าจะไม่มีการ lock down อีก นอกจากนี้ เม็ดเงินลงทุนของต่างประเทศ (Fund Flow) กลับเข้ามาซื้อต่อเนื่อง โดยวานนี้มียอดซื้อสุทธิมากพอสมควรถือเป็นสัญญาณเชิงบวก ทำให้มั่นใจว่าหากดัชนีผ่านระดับทดสอบที่ 1,685 จุด เป็นไปได้ที่จะเห็นระดับ 1,700 จุดในเดือน ก.พ.นี้
อย่างไรก็ดี ปัจจัยต่างประเทศยังต้องจับตา อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (Bond Yield) ที่เพิ่มสูงขึ้น อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รวมทั้งสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน
ปัจจัยช่วงสั้นที่ต้องติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีการเคาะวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หรือไม่ เพราะจะทำให้เห็นภาคการเมืองเข้มข้นขึ้น ซึ่งจะทำให้หุ้นที่ได้ประโยชน์จากกิจกรรมการเลือกตั้งกลับมาคึกคัก นักลงทุนเองจับประเด็นการเมืองมากขึ้น และวันนี้ ครม.จะพิจารณาต่ออายุสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่งผลให้ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) รับผลบวก แต่ต้องดูเงื่อนไขซึ่งติดตามรายละเอียดเกี่ยวกับการแก้ไขหนี้ กทม.และแพกเกจค่าโดยสาร
ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,681.80 จุด เพิ่มขึ้น 4.56 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.27% มูลค่าการซื้อขายราว 39,552 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มในช่วงบ่าย น.ส.ธีรดา กล่าวว่า วันนี้ตลาดหุ้นรับ sentiment อิงบวก คาดช่วงบ่ายตลาดจะยังผันผวนในแดนบวก อาจขึ้นไปทดสอบระดับ 1,685 จุดอีก โดยให้แนวต้านที่ 1,685 ถัดไป 1,690 จุด ส่วนแนวรับที่ 1,675 จุด
