นายภวัต ภีทราพงศ์ นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ปรับตัวขึ้นในระดับ 10,000 คนต่อวันในขณะนี้ เชื่อว่าจะไม่ส่งกระทบรุนแรงต่อหุ้นกลุ่มเปิดเมือง เนื่องจากอาการผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในขณะนี้ไม่ได้รุนแรงและสามารถรักษาหายได้ด้วยเวลาอันรวดเร็ว ทำให้ในระยะยาวหุ้นกลุ่มนี้ยังน่าลงทุน โดยแนะนำ นักลงทุนที่ยังไม่มีหุ้นให้เข้าซื้อ หรือเก็งกำไร ส่วนผู้ที่มีหุ้นอยู่แล้วให้ "ถือ" ต่อไปได้ เพราะยังมีอัปไซด์
ทั้งนี้ มองหุ้นกลุ่มค้าปลีกมีความโดดเด่น โดยเฉพาะ บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) โดดเด่น โดยประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 4/64 อยู่ที่ 2.34 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 175% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) คาดเติบโตราว 8.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลักๆ มาจากยอดขายสินค้าแฟชั่นในประเทศอิตาลีที่มาร์จิ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ย ช่วยให้ได้ทั้งแรงหนุนยอดขายและอัตรากำไร ซึ่งจะส่งผลให้ทั้งปี 64 มีกำไรได้เล็กน้อย 37 ล้านบาท ใกล้เคียงปีก่อน ดีกว่าที่คาดว่าจะขาดทุน
นอกจากนี้ แนวโน้มการฟื้นตัวธุรกิจ CRC ในปี 65 ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก โดยไตรมาส 1/65 เห็น SSSG ขยับเพิ่มสูงเกิน 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสินค้าแฟชั่นในห้างที่อิตาลียังเห็นแนวโน้มการฟื้นตัว และในประเทศไทยยังรับอานิสงส์มาตรการช็อปดีมีคืน ขณะที่ในเวียดนามรับผลบวกจากเทศกาลปีใหม่ท้องถิ่น (Tet Festival) ปีนี้อยู่ในช่วงต้นเดือน ก.พ. จากปี 64 อยู่ในช่วงกลางเดือน ก.พ. ทำให้ SSSG ในเดือน ม.ค.65 ก่อนเข้าสู่เทศกาลออกมาโดดเด่น
อย่างไรก็ตาม แม้มีปัจจัยเฉพาะตัวแต่ละประเทศมาเกี่ยวข้อง แต่ช่วงที่เหลือของปี ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าคาดหวัง SSSG ในระดับสูงต่อเนื่อง โดยเฉพาะทั้งในไทยและเวียดนามที่ฐานปี่ที่แล้วต่ำกว่าปกติ จากผลกระทบโควิด-19 ที่ระบาดหนักเกือบทั้งปี ส่วนที่เหลือคาดมาจากรายได้พื้นที่เช่าที่จะเห็นการให้ส่วนลดช่วยเหลือผู้เช่าลดลง เฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ปริมาณการจับจ่ายทยอยกลับสู่ปกติ (ปัจจุบันเกิน 80% ของระดับก่อนโควิด-19)
ฝ่ายวิจัยเชื่อว่า CRC ถือเป็นอีกหนึ่งหุ้นที่โดดเด่นในกลุ่มค้าปลีกปีนี้ จากแนวโน้มการฟื้นตัวกำไรกลับมาหลังผ่านจุดต่ำสุดที่รวดเร็ว และมีแนวโน้มกลับมาใกล้เคียงระดับก่อนโควิด-19 เร็วตั้งแต่ปี 65 ซึ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นถือว่ามีอัตราเติบโตจากปี 64 แม้จะเป็นฐานต่ำ แต่ถือเป็นระดับสูงสุดในกลุ่มค้าปลีก ประกอบกับ มูลค่าพื้นฐานใหม่ขยับเพิ่มมาอยู่ที่ 40.75 บาท ยังให้ Upside ลงทุนได้ 18.9% คงยืนยันคำแนะนำ "ซื้อ"
พร้อมกันนี้ ยังแนะนำซื้อหุ้น บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO) ด้วย แม้ระยะสั้นจะไม่ค่อยน่าสนใจ แต่ในระยะยาวจะได้ปัจจัยบวกจากการรวมธุรกิจ Lotus's เข้ามา การนำเงิน PO ที่ได้ไปคืนหนี้ การฟื้นตัวธุรกิจพื้นที่เช่า และการขยายตัวทั้งสาขาและออนไลน์ธุรกิจค้าส่ง ค้าปลีก คาดจะหนุนกำไรปี 65-66 โตปีละ 32.8% โดยมองราคาปัจจุบันน่าสะสมลงทุนในระยะกลางถึงยาว ให้ราคาเป้าหมายที่ 52.8 บาท มีอัปไซด์ 34%