"ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994)" กางแผนปี 2565 ตั้งเป้ารายได้โต 10% ผลจากความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์บรรจุอาหารยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 หนุนบริการเดลิเวอรีคึก ผู้บริหารเผยเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์กระดาษ ปรับรูปแบบเพิ่มขนาดมากขึ้น หวังกระตุ้นยอดขาย เผยพร้อมเปิดโอกาสการลงทุน เพื่อแตกไลน์ธุรกิจใหม่
นายอภิรัตน์ ธีระรุจินนท์ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2565 ยังมีทิศทางการเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10% จากงวดเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของการเติบโตในช่วงที่ผ่านมา สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตในปีนี้จะมาจากความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ใส่อาหารยังคงได้รับอานิสงส์จากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปจากการที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในยุคปัจจุบัน ยังคงนิยมซื้ออาหารกลับบ้าน เนื่องจากต้องการเว้นระยะห่าง รวมถึงการสั่งซื้อในรูปแบบเดลิเวอรียังคงคึกคัก ทำให้ช่วยผลักดันยอดขายบรรจุภัณฑ์อาหารมีแนวโน้มเติบโตได้ดี
"บริษัทฯ คาดว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีสำหรับธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่เกี่ยวกับอาหาร เนื่องจากความต้องการใช้ยังคงมีจำนวนเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน บริษัทฯ จะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาต่อเนื่อง โดยจะเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์กระดาษ ซึ่งมีการเพิ่มเติมรูปแบบ เช่น ถาดใส่ขนมหวาน ถ้วยไซส์อื่นๆ เป็นการเพิ่มไซส์ให้มีความหลากหลายต่อการนำไปใช้งานได้มากขึ้น โดยจะทยอยออกมา และคาดว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดี รวมทั้งจะมีการพัฒนาระบบรับคำสั่งซื้อสินค้าออนไลน์มาใช้มากขึ้น ซึ่งคาดว่าช่วยสนับสนุนยอดขายให้เติบโตได้ต่อเนื่องจากปีก่อน"
รองกรรมการผู้จัดการ กล่าวอีกว่า กลยุทธ์ที่สำคัญยังคงเน้นการบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไรให้อยู่ในระดับสูงและมีความมั่นคง โดยเฉพาะการบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบที่มีความผันผวนด้านราคาสูงตามราคาตลาดโลก ทั้งน้ำมัน และเม็ดพลาสติก ซึ่งปีที่ผ่านมา สามารถควบคุมได้ดี รวมทั้งบริษัทฯ ยังมีแผนที่จะเพิ่มปริมาณเครื่องจักรใหม่ แต่ต้องพิจารณาสถานการณ์และความเหมาะสมอีกครั้ง เนื่องจากต้องมีการเตรียมความพร้อมในด้านแรงงานให้สอดคล้องกันด้วย
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงมีความสนใจที่จะลงทุนเพื่อแตกไลน์ธุรกิจใหม่ และต่อยอดธุรกิจเดิมที่มีอยู่ ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจากันพันธมิตร โดยบริษัทฯ มีความพร้อมเปิดโอกาสการลงทุนในทุกรูปแบบ เพราะมองว่าตอนนี้บริษัทฯ มีความได้เปรียบในเรื่องของฐานข้อมูลลูกค้าที่เป็นแม่ค้าในตลาดล่างที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ หากจะมีธุรกิจใหม่เข้ามาเสริมถือเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งจะช่วยผลักดันการเติบโตในอนาคตได้อย่างก้าวกระโดด และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้นได้สม่ำเสมอ
