xs
xsm
sm
md
lg

ทางสองแพร่งดึงซาอุฯ ลงทุนไทย หนุนท่องเที่ยว-หวั่นเคสกว้านซื้อที่ดิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายสุรเชษฐ กองชีพ
ผู้บริหารฟินิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ฯ ชี้การเปิดม่านเชื่อมสัมพันธ์ซาอุฯ เป็นผลดีต่อการท่องเที่ยว ส่งผลดีต่อตลาดคอนโดฯ ในระยะข้างหน้า ห่วงเคสกลุ่มทุนขนาดใหญ่เข้ามากว้านซื้อที่ดินเพื่อปลูกข้าว หรือพืชผลทางการเกษตรอื่นๆ ในประเทศไทย ซ้ำรอยในประเทศลาว ด้าน "ชนินทร์ วานิชวงศ์" ซีอีโอฮาบิแททฯ มองเป็นโอกาสดึงเม็ดเงินกองทุนฯ เข้ามาพัฒนาโครงการร่วมกับดีเวลลอปเปอร์ท้องถิ่น ชี้อาจได้เห็นบิ๊กโปรเจกต์ในหัวเมืองท่องเที่ยวในอนาคต พร้อมเสนอให้มีมาตรการจำกัดขอบเขตการถือครองที่ดิน

นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า การที่รัฐบาลไทยประสบความสำเร็จในการฟื้นความสัมพันธ์กับราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียอีกครั้ง หลังจากที่ห่างหายไปกว่า 30 ปี ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับประเทศไทย เพราะก่อนหน้าที่ทางซาอุดีอาระเบียจะตัดสัมพันธ์กับประเทศไทยนั้น คนไทยจำนวนไม่น้อยที่เดินทางไปทำงานที่ซาอุดีอาระเบีย และต้องเดินทางกลับมาทันทีที่เกิดเรื่องขึ้น อีกทั้งไม่มีการเปิดรับคนไทยเข้าไปทำงานที่ซาอุฯ อีกเลยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

โดยจากสถิติของกระทรวงแรงงานระบุว่า สมัยก่อนแรงงานไทยที่ไปซาอุดีอาระเบียในสมัยก่อนนั้นในบางช่วงเวลามีถึง 300,000 คน และสร้างรายได้ต่อปีมากกว่า 9,000 ล้านบาท แต่จากข้อมูลของกระทรวงแรงงาน พบว่า ณ สิ้นปี พ.ศ.2564 มีแรงงานไทยที่ไปทำงานอยู่ในซาอุดีอาระเบียเพียงแค่ 1,345 คนเท่านั้น โดยเป็นแรงงานที่มีการติดต่อประสานงานเข้าไปเอง

อย่างไรก็ตาม ณ ปี พ.ศ.2562 นักท่องเที่ยวจากซาอุดีอาระเบีย สร้างรายได้ให้การท่องเที่ยวในประเทศไทยมากถึง 3,220 ล้านบาท จากนักท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียประมาณ 36,000 คนเท่านั้น โดยเมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวทั้งตะวันออกกลางที่เดินทางมาเที่ยวในประเทศไทยที่มีจำนวนมากถึง 1.223 ล้านคน ซึ่งถ้าสายการบินซาอุเดียเปิดเที่ยวบินมาถึงประเทศไทยแบบเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2565 คาดว่าจะมีผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียในประเทศไทยมากขึ้นแน่นอน โดยคาดการณ์ว่าจะมากถึง 150,000 คน และคาดว่าจะสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวซาอุฯ ประมาณ 13,417 ล้านบาท โดยเมืองท่องเที่ยวชายทะเลและจังหวัดที่มีธรรมชาติสวยงาม เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้

"ตลาดหรือธุรกิจท่องเที่ยวเมื่อฟื้นตัวได้เร็ว และมีนักท่องเที่ยวจากซาอุดีอาระเบียมาประเทศไทยมากขึ้น อาจจะมีผลต่อเนื่องไปถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้ในอนาคต เพียงแต่อาจจะยังต้องใช้เวลามากกว่าเรื่องของการท่องเที่ยว เพราะการมาท่องเที่ยวประเทศไทยเพียง 1-2 ครั้ง อาจจะยังไม่สามารถตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทยได้ และเรื่องของศาสนาก็เป็นอีกตัวแปรในการตัดสินใจของพวกเขาเช่นกัน แต่ไม่ได้หมายความจะไม่มีหวัง เพราะผู้ประกอบการไทยส่วนหนึ่งมีการไปขายคอนโดฯ ให้บางประเทศในตะวันออกกลางอยู่แล้ว เช่น สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) การตาร์ บาห์เรน เป็นต้น เพียงแต่จำนวนไม่ได้มากมายเมื่อเทียบกับคนในภูมิภาคเอเซีย"

ในเรื่องของความกังวล หรืออาจจะเป็นเรื่องที่ต้องติดตามในระยะยาว คือ เรื่องของการเข้ามาของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ที่มีความสนใจในอุตสาหกรรมเกษตรกรรม อาจจะมีการหาที่ดินเพื่อปลูกข้าว หรือพืชผลทางการเกษตรอื่นๆ ในประเทศไทย แบบที่เกิดขึ้นแล้วในประเทศลาว เพียงแต่ด้วยข้อจำกัดทางกฎหมายในประเทศไทยเป็นปัจจัยสำคัญให้กลุ่มทุนขนาดใหญ่ลดความสนใจลง

นายชนินทร์ วานิชวงศ์
นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เป็นข่าวที่ดีของการฟื้นสัมพันธ์กับทางราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียว่า เท่าที่ทราบมีดีมานด์จากยูเออี หรือกลุ่มประเทศอาหรับที่จะเป็นกลุ่มนักลงทุนและกองทุนต่างๆ ที่สนใจจะเข้ามาสร้างโครงการ สร้างตึกสูงในประเทศไทย สร้างโครงการคอมเมอร์เชียล หรือสร้างโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ล่าสุด มีที่ปรึกษาคนกลางจากต่างประเทศที่จะเชิญทางเราไปแลกเปลี่ยนข้อมูลกับนักลงทุน

"ถ้าถามผมในมุมของพร็อพเพอร์ตี้แล้ว จริงๆเม็ดเงินบ้านเราเมื่อก่อนจะมาจากประเทศจีน ยุโรปก็มาเรื่อยๆ แต่ฝั่งที่มาจากตะวันออกกลางยังไม่เจ้าไหนที่เข้ามาลงทุนสักเท่าไหร่ แต่ในมุมของผม การที่ประเทศไทยไปคอนเน็กประเทศที่มีเงิน มีแหล่งเงิน มีความพร้อมต่างๆ เป็นเรื่องที่ไม่เลว ที่จะมีเงินทุนมาจากฝั่งตะวันออกลาง สังเกตในเชิงโครงการอสังหาฯ ในประเทศเหล่านี้จะมีความทันสมัยเรื่องของเทคโนโลยี ผมว่าเป็นเรื่องที่ดี และไม่เห็นอะไรที่เป็นมุมลบ แต่มองเป็นโอกาสมากกว่า ถ้าเราได้เงินทุนเข้ามาพัฒนา การที่ต่างชาติจะเข้ามาต้องจับมือกับบริษัทอสังหาฯ ในไทย หรือถ้าเข้ามาลงทุนทั้งหมดจะช่วยให้เกิดการจ้างงาน เกิดการลงทุน ซัปพลายเชนของอสังหาฯ ก็เกิดการหมุนเวียนเป็นหลายพันล้าน หมื่นล้าน ผมว่า เป็นไอเดียที่ไม่เลว ถ้าเข้ามาจริงๆ น่าจะเหมาะกับเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ หรือเมืองท่องเที่ยวหลักๆ เช่น ภูเก็ต พัทยา เป็นต้น ซึ่งจะเห็นโฉมแลนด์มาร์กแห่งใหม่ได้เช่นกัน"

นายชนินทร์ กล่าวว่า ธุรกิจอสังหาฯ จะเกี่ยวข้องกับงานราชการค่อนข้างเยอะ น่าจะเป็นปัญหาพื้นฐานที่ต่างชาติเข้ามาค่อนข้างลำบากหากต้องเข้ามาเอง จะเป็นโอกาสให้เกิดความร่วมมือกับบริษัทอสังหาฯ ในไทย ไม่ว่าจะเป็นบริษัทมหาชน หรือบริษัทจำกัดก็ได้ จึงมองว่าอุปสรรคกลายเป็นโอกาส แต่ถ้าทุกอย่างฟรีหมดอาจจะเกิดการเข้ามากว้านซื้อและพัฒนาโครงการไป

"ประเด็นการถือครองที่ดิน เป็นอะไรที่เรายังไม่เปิดให้ต่างชาติเข้ามาซื้อ แต่ถ้าเราสามารถหามาตรการเข้ามาควบคุมได้ อย่าลืมต่างชาติเอาเงินเข้ามาลงทุน โปรดักต์ การก่อสร้างอยู่ในบ้านเรา เกิดการจ้างงาน แต่ทำอย่างไร จำกัดขอบเขตการลงทุนในที่ดิน ซึ่งปัจจุบันต้องเป็นการลงทุนถือหุ้นร่วมกับบริษัทอสังหาฯ ในประเทศ รูปแบบอย่างนี้ยังช่วยปกป้องประเทศเราอยู่"

นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จะเป็นผลดีต่อภาคการท่องเที่ยว ซึ่งจะหนุนให้ภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้นและต่อเนื่องมาถึงภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ในเบื้องต้นมองว่า ในระยะสั้นยังไม่มีผลต่อภาคธุรกิจอสังหาฯ มากนัก
กำลังโหลดความคิดเห็น