หุ้นเช้าปิดลบ 10.77 จุด ดัชนีปรับฐานหลังยืนเหนือ 1,680 ไม่อยู่ กลับมากังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยเร็วหลัง Bond Yield ทะลุ 1.8% ทำให้มีแรงขายทำกำไร แม้สถานการณ์โควิดในประเทศดีขึ้น พบต่างชาติขายสุทธิ 2 วันติด และกองทุนในประเทศขายต่อเนื่อง คาดช่วงบ่ายตลาดยังปรับฐานต่อแต่ Downside จำกัดลง
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์-รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับฐานลงหลังจากไม่สามารถยืนเหนือระดับ 1,680 จุดได้ ตั้งแต่ต้นปีขึ้นมาทดสอบแล้ว 5 ครั้ง ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิออกมา 2 วันแล้ว รวมถึงกองทุนในประเทศขายต่อเนื่อง
ตลาดกลับมากังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ หลังอัตราเงินเฟ้อพุ่ง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ วานนี้ขึ้นไปยืนเหนือ 1.80% จากที่ได้ทดสอบระดับ 1.84% ซึ่งเป็นการทะลุครั้งแรกในรอบ 2 ปี กดดันหุ้นกลุ่มที่ sensitive กับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกสฺ์ KCE, DELTA, HANA แต่มีแรงซื้อเข้ามาในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการขึ้นดอกเบี้ย เช่น กลุ่มแบงก์ขนาดใหญ่ ได้แก่ KBANK, BBL และบริษัทประกัน นำโดย BLA
โดยเช้านี้มีแรงขายทำกำไรทุกกลุ่ม แม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศจะลดลงมาเป็นตัวเลขต่ำสุดในรอบ 12 วัน แต่ยังเห็นแรงซื้อหุ้นกลุ่มเปิดเมืองบ้าง เช่น AOT, MINT โดยหากภาครัฐกลับมาใช้มาตรการ Test&Go จะเป็น sentiment เชิงบวก อย่างไรก็ดี หากตลาดจะปรับลงไปคงไม่ลึก เพราะ Downside เริ่มจำกัด โดยเฉพาะจากสถานการณ์โควิดทั้งในประเทศและต่างประเทศเริ่มดีขึ้น
นอกจากนั้น ตลาดยังรอติดตามผลประกอบการไตรมาส 4/64 ของกลุ่มแบงก์ที่กำลังทยอยประกาศในสัปดาห์นี้ และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 25-26 ม.ค.นี้ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% หรือไม่
ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,666.10 จุด ลดลง 10.77 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.64% มูลค่าการซื้อขายราว 65,161 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่าย นายกิติชาญ กล่าวว่า น่าจะยังปรับฐานต่อเนื่อง แนะจับตาว่าจะหลุดระดับ 1,667 จุดหรือไม่ เพราะหากหลุดมีโอกาสไหลต่อลงไปที่ 1,650 จุด แต่ถ้าไม่หลุดอาจดีดกลับขึ้นไปที่ 1,672 และ 1,680 จุด
พร้อมให้แนวรับที่ 1,667 และ 1,660 จุด แนวต้านที่ 1,672 และ 1,680 จุด
